แพทย์เตือนเสี่ยงตายบังคับเด็กกินนมวัวทั้งที่แพ้

2017-09-05 15:05:51

แพทย์เตือนเสี่ยงตายบังคับเด็กกินนมวัวทั้งที่แพ้

Advertisement

กุมารแพทย์ชี้กรณีเพจดังแฉครูบังคับเด็ก 3 ขวบกินนมวัวทั้งที่แพ้ อันตรายอาจถึงขั้นช็อกเสียชีวิตได้ เผยตัวเลขแพ้นมวัวตั้งแต่แรกเกิดพบได้ประมาณ 20,000-30,000 คนต่อปี ชี้ต้องระวังแพ้อาหารกลุ่มท็อปไฟว์ “นมวัว ถั่ว ไข่ อาหารทะเล แป้งสาลี”



จากกรณีเพจ "Drama-addict” โพสต์ข้อความพร้อมภาพระบุว่า ได้รับการร้องเรียนจากคุณแม่ท่านหนึ่ง ลูกอายุ 3 ขวบกว่ามีปัญหาเรื่องแพ้นมวัว ซึ่งคุณแม่ได้แจ้งกับทางโรงเรียนอนุบาลแล้ว แต่ปรากฏว่า วันหนึ่งโรงเรียนมีอาหารกลางวันที่มีนมวัว เด็กก็ไม่กิน ครูไม่พอใจ บังคับให้เด็กกิน จนกระทั่งเด็กปากเป็นแผล แถมโดนจับแยกไปอยู่เดี่ยว ซ้ำร้ายเมื่อครูเห็นเด็กไม่ยอมกินนม ถึงขั้นเอาไซริงค์พ่นนมใส่ปากเด็ก ที่คุณแม่รู้เรื่องนี้ เพราะหลังๆ เด็กมีอาการหวาดกลัว พฤติกรรมเปลี่ยนตอนอยู่คนเดียว แม่เข้าห้องน้ำแป๊บเดียว ลูกกรีดร้องเหมือนหวาดกลัว และมีอาการตัวสั่น เหงื่อแตกร้องไห้ตอนกินข้าว แถมบางวันอุจจาระเป็นมูกเลือดด้วย คุณแม่เลยพาน้องไปพบจิตแพทย์เด็ก และไปคาดคั้นกับทางโรงเรียน ครูจึงยอมรับสารภาพว่า ทำเรื่องแบบนั้นลงไปกับเด็ก แถมผู้อำนวยการยังเข้าข้างครูว่า ครูแค่อยากให้เด็กได้ลิ้มรสชาตินมเท่านั้น คุณพ่อคุณแม่เด็กได้ยินแบบนั้น พาลูกลาออกมาเลย คุณแม่เขาก็อยากให้เรื่องนี้เป็นอุทาหรณ์กับทั้งพ่อแม่และคุณครู

ศ.นพ.พิภพ จิรภิญโญ 


เกี่ยวกับเรื่องนี้ ศ.นพ.พิภพ จิรภิญโญ อาจารย์ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ผู้คิดค้นผลิตนมจากเนื้อไก่ แก้ปัญหาเด็กแพ้โปรตีนนมวัว เผยกับ "นิว18" ว่า กรณีนี้ อันดับแรก คือ ทางโรงเรียนต้องเชื่อพ่อแม่ของเด็ก หากทางพ่อแม่แจ้งว่าเด็กแพ้นมวัวจะต้องระมัดระวัง อย่าไปบังคับให้เด็กกินนมวัว เพราะอาจเกิดการแพ้จนถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้



   


การแพ้จะมี 2 แบบ คือ "แบบเฉียบพลัน” คนไข้อาจมีอาการบวม หายใจไม่ออก หลอดลมตีบ ท้องเสียรุนแรง และอาจเกิดภาวะช็อกถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่าทำเป็นเรื่องเล่นไป ส่วนการแพ้อีกแบบ คือ “แบบเรื้อรัง” เมื่อกินนมเข้าไปแล้วจะค่อยๆ เกิดอาการ เช่น มีน้ำมูกไหล คัดจมูก ปวดท้อง เป็นๆ หายๆ ผิวหนังเป็นผื่น บางรายอาจถ่ายอุจจาระเป็นมูกเลือดได้ ซึ่งในกรณีที่นึกไม่ถึงว่าแพ้นมวัวอาจคิดว่าเป็นภาวะติดเชื้อในลำไส้





สำหรับสถิติการแพ้นมวัวตั้งแต่แรกเกิดพบได้ 3- 5% หรือประมาณ 20,000-30,000 คนต่อปี ซึ่งคนที่แพ้นมวัวอาจจะแพ้อาหารชนิดอื่นในกลุ่มท็อปไฟว์ คือ “นมวัว ถั่ว ไข่ อาหารทะเล แป้งสาลี” ดังนั้นต้องระวัง อย่างไรก็ตาม เด็กที่แพ้นมวัวพออายุประมาณ 1 ขวบจะหายประมาณ 70%, 2 ขวบหาย 80%, 3 ขวบหาย 90-99% แต่อาจจะเหลือประมาณ 1% ที่แพ้ไปจนถึง 10 ขวบหรือไปจนถึงวัยผู้ใหญ่ กรณีของเด็กอายุ 3 ขวบกว่าแต่ยังแพ้นมวัวอยู่อาจจะอยู่ใน 1% ที่ยังแพ้อยู่

เรื่องการแพ้นมวัวเป็นเรื่องซีเรียส แนะนำว่า เด็กควรมีบัตรติดตัวจากทางแพทย์ยืนยันว่าแพ้นมวัว และต้องหลีกเลี่ยงอาหารที่มีส่วนประกอบของนมวัว อาหารบางชนิดอาจมีส่วนประกอบของนมวัวอยู่ต้องระวังให้ดี หากเป็นไปได้พ่อแม่ควรทำอาหารให้ลูกรับประทานเอง เพราะอย่างที่บอกลูกอาจเกิดภาวะช็อกได้ พอช็อกแล้วแก้ไขยาก



ด้าน พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ โฆษกกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กล่าวกับ "นิว18" ว่า คงไม่ไปก้าวล่วงกรณีดังกล่าวเพราะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่ขอเรียนว่า เด็กจะฝังใจกลัวหรือไม่นั้น หากได้รับการดูแลอย่างรวดเร็ว ทันท่วงที เหมาะสม ความฝังใจจะคลี่คลาย เด็กสามารถเรียนรู้การปรับตัวได้
  

พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ 

เมื่อถามว่าจะนำไปสู่การกลัวนมหรือไม่ พญ.อัมพร กล่าวว่า ความกลัวจะเกิดจากประสบการณ์ เรื่องอาหารก็เช่นกัน เด็กหลายคนไม่กินผัก พอถูกบังคับให้กินผัก ทำให้เขากลัวการบังคับ ขณะที่เห็นภาพอาหารนั้น เขาไม่ได้กลัวอาหาร รสชาติอาหารอาจจะอร่อยด้วยซ้ำไป  แต่พอนึกถึงภาพตอนถูกบังคับก็ทำให้กลัว อย่างกรณีนี้อาจจะนึกถึงภาพตอนที่ครูใช้ไซริงค์พ่นนมใส่ปากก็อาจทำให้เกิดความกลัว แต่ไม่ได้กลัวนม 


กรณีนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกฝ่ายที่ต้องตระหนักเรื่องการแพ้นมวัว ว่าอาจทำให้เกิดอันตรายถึงขั้นเสียชีวิตได้  ขอบคุณคุณแม่ของเด็กที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้ทุกคนได้รับรู้ จะได้ไม่เกิดปัญหาวัวหายแล้วล้อมคอกตามมา 

ขอบคุณภาพจาก : Drama-addict