ดังชั่วข้ามคืน อธิบดีกรมการค้าภายใน

2020-03-13 15:15:14

ดังชั่วข้ามคืน อธิบดีกรมการค้าภายใน

Advertisement

ทุกวันนี้ ใครที่สนใจติดตามข่าวสารอย่างต่อเนื่อง คงจำชื่อของอธิบดีกรมการค้าภายใน นายวิชัย โภชนกิจ ได้ขึ้นใจแล้ว


เพราะเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งมีความสำคัญมาก กับเรื่องรับมือการแพร่ระบาดของเขื้อไวรัสโควิด 19 ทั้งภายในประเทศและต่างประเทศ(การส่งออก)

ภายในประเทศนั้น ในฐานะอธิบดีกรม ที่ฟังเพียงชื่อก็รู้ชัดว่า ต้องดูแลรับผิดชอบเกี่ยวกับเรื่องสินค้าและการค้าขายทั่วไป ยิ่งเป็นสินค้าควบคุมด้วยแล้ว ยิ่งต้องดูแลเป็นพิเศษ

โดยเฉพาะหน้ากากอนามัย ที่ถูกยกระดับเป็นสินค้าควบคุม หลังจากเกิดขาดแคลนในตลาดอย่างหนัก ทั้งจากการแตกตื่นของผู้คน การถูกกว้านซื้อในตลาด การกักตุนเก็งกำไร การเปิดขายผ่านออนไลน์ และลักลอบส่งออกไปต่างประเทศ

ไม่ว่าจะกำลังการผลิต ยอดการผลิตจริง การส่งขายกระจายสินค้า ล้วนต้องรายงานกรมการค้าภายใน นอกจากนี้ ยังมี"ตรวจสอบเข้มข้น"ถึงขั้นส่งเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในไปประจำที่โรงงานผลิตหน้ากากทั้ง 11 แห่งด้วย เพื่อป้องกันและควบคุมอย่างใกล้ชิด

แต่จนแล้วจนรอด หน้ากากอนามัยที่มียอดผลิตรวมกัน 1.35 ล้านชิ้นต่อวัน ก็ยังขาดแคลน หายากเหมือนเดิม ที่มีขายก็ราคาถูกปั่นขึ้นไป 5-6 เท่าตัวเป็นอย่างน้อย แต่กลับปรากฎว่า หน้ากากอนามัยไปโผล่ขายในโลกออนไลน์ พร้อมโชว์สต๊อคสินค้าว่ามีจริงและเหลือเฟือ

ในจำนวนนี้ ที่เป็นไฮไลท์สุด คือ "บอยไนท์มาร์เก็ต" หรือศรสุวีร์ ภู่รวีรัศวัชรี คนที่โชว์ภาพถ่ายคู่กับหนึ่งในคณะผู้ติดตามรมช.เกษตรฯ และไลฟ์สดขายหน้ากากอนามัยพร้อมอ้างมีตุนไว้ถึง 200 ล้านชิ้น

กรมการค้าภายในจึงกลายเป็นเป้าหมายสำคัญที่ถูกตั้งคำถามว่า บริหาจัดการอย่างไร หน้ากากยังขาดตลาด คนทั่วไปหาซื้อไม่ได้ แต่กลับไปกองสุมอยู่ในมือของกลุ่มแก๊งขายหน้ากากอนามัย

อธิบดีกรมการค้าภายใน ยังมีปรากฎในข่าว สมาคมร้านขายยาโดยประธานสภาที่ปรึกษาสมาคม ออกแถลงการณ์ยืนยันยังไม่ได้รับหน้ากากอนามัยตามโควต้าวันละ 25,000 ชิ้นตามที่ตกลงกัน เท่ากับเป็นคำตอบสำคัญว่า เหตุใดผู้คนจึงยังหาซื้อหน้ากากอนามัยไม่ได้

คำแจกแจงจากอธิบดี คืออยูในช่วงระยะจัดส่ง เนื่องจากโรงงานจะส่งไปที่ร้านขายยาโดยตรง ไม่ต้องผ่านสมาคมซึ่งเป็นนิติบุคคล โรงงานผลิตหน้ากากไม่สามารถทำนิติกรรมซื้อขายด้วยได้

ทั้งยืนยันว่า ระหว่าง 6-8 มีนาคม โรงงานผู้ผลิตได้จัดส้งหน้ากากประเภทต่างๆให้กับร้านขายยาแล้วรวมกว่า 700,000 ชิ้น โดยยืนยันได้จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมการค้าภายในที่ถูกส่งไปประจำที่โรงงานผลิต

แต่พอถึง 12 มีนาคม อธิบดีกรมคนดังกล่าว ได้ให้สัมภาษณ์ผ่านรายการข่าวทางทีวีช่องหนึ่ง ระว่า ได้จัดเตรียมหน้ากากไว้ให้ตามโควต้าแล้ว ให้ทางสมาคมร้านขายยา และสมาคมเภสัชกร ไปรับของได้เลย

ทำให้ถูกตีความได้ว่า ที่ผ่านมายังไม่ได้จัดส่งหน้ากากอนามัยไปให้ตามโควต้าอย่างที่กล่าวอ้าง ทั้งที่ประชาชนต่างรอคอยและหาซื้อกันอยู่ ยังไม่นับชมรมร้านขายยา ซึ่งมีสมาชิกประมาณ 7 พันร้าน ส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด ที่ยังไม่สามารถสั่งซื้อหน้ากากอนามัยได้ ด้วยเหตุผลจากอธิบดี คือยังไม่ได้ตั้งเป็นสมาคม ตอนนี้จึงต้องซื้อหาผ่านโมเดิร์นเทรดไปก่อน พร้อมไล่ให้ไปตั้งเป็นสมาคมให้เรียบร้อย

ยังไม่นับดราม่าคั่นกลางให้โดนจัดหนักจัดเต็ม คือให้สมาคมร้านขายยาทำหนังสือขอโทษอธิบดีก่อน กรณีออกแถลงการณ์ของประธานสภาที่ปรึกษาสมาคมว่ายังได้รับหน้ากากอนามัย

อธิบดีปฏิเสธข่าวนี้ทันควัน ยืนยันไม่เป็นความจริงและไม่ได้สั่งการ แต่ฟังจากท่าทีคนในสมาคมซึ่งล้วนเป็นระดับเภสัชกร นอกจากยืนยันว่า ได้รับจัดสรรเพียงวันละ 15,000 ชิ้น ไม่ใช่ 25,000 ชิ้นอย่างที่อ้างแล้ว ยังได้รับการประสานจากกรมการค้าฯ ให้ทำหนังสือขอโทษอธิบดีจริง ซึ่งอาจเป็นคนใกล้ชิด สั่งการเองหรือมีใครสั่งการผ่านก็เป็นได้ เพราะเป็นไปได้ยากมากที่จู่ๆทางสมาคมจะสร้างข่าวดังกล่าวขึ้นมาเอง ในเมื่อต้องพึ่งพาการซื้อขายและจัดสรรโควต้าจาก "บิ๊ก" ในกรมการค้าอยู่ จะไปเติมความหมั่นไส้เข้าไปอีกทำไม

ไม่เพียงเท่านั้น อธิบดีกรมการค้า ภายในยังเป็นข่าวที่สร้างความปังให้กับตัวเอง และหน่วยงานราชการด้วยกันอีก ด้วยการมอบหมายให้ทนายความไปแจ้งความที่กองบังคับการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. เอาผิดโฆษกกรมศุลากร นายชัยยุทธ คำคูณ ปมการแถลงข่าวตัวเลขการส่งออกหน้ากากอนามัย 2 เดือนแรกปี 2563 มกราคมและกุมภาพันธ์ มียอดรวม 330 ตัน ในช่วงสถานการณ์ขาดแคลนหน้ากากอนามัย คนในประเทศหาซื้อไม่ได้ อีกทั้งในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งมีประกาศกระทรวงพาณืชน์ให้หน้ากากอนามัยเป็นสินค้าควบคุม มีผลตั้งแต่ 5 ก.พ. แล้ว แต่กลับมียอดส่งออกสูงถึง 150 ตัน

เป็นการมอบหมายให้แจ้งความดำเนินคดี ในระหว่างเกิดกระแสทวงหาคำตอบจากโลกโซเชียลว่า หน้ากากอนามัยหายไปไหน ทำไมไปโผล่ซื้อขายในเวบออนไลน์ มีไปโผล่ที่ประเทศจีน และที่สำคัญ ไปโผล่ในครอบครองของพ่อค้าตลาดนัดกลางคืน ที่ถูกเชื่อมโยงกับผู้ติดตามรัฐมนตรี มีไลฟ์สดพร้อมขายหน้ากากในสต๊อคจำนวนมากถึง 200 ล้านชิ้น

ขณะที่รัฐมนตรีพาณิชย์ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ในฐานะผู้บังคับบัญชาสูงสุดในกระทรวงของนายวิชัย อ้างว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเข้าไปแทรกแซงได้

ทั้งหมด สปอตไลต์ จึงส่องไปที่อธิบดีกรมการค้าภายในเป็นเป้าใหญ่

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ตอนนี้ ใครๆก็จำชื่อท่านได้แม่นยำที่สุด