ระเบิดลูกใหญ่ลงพรรคประชาธิปัตย์อีกลูก หลังก่อนหน้านี้ มีระเบิด "พายเรือให้โจรนั่ง" สั่นสะเทือนทั้งพรรคไปลูกหนึ่งแล้ว
ลูกนี้เป็นเรื่องคนในพรรคโดนกล่าวหาว่าพัวพันกับเรื่องหน้ากากอนามัย หายไปจากสารบบ ทั้งที่มียอดผลิตต่อวันสูงถึง 1.35 ล้านชิ้น ทั้งในมุมหน้ากากอนามัยถูกกักตุน และเรื่องส่งออก ซึ่งไฮไลท์ไปที่คนมีตำแหน่งทางการเมืองใกล้ชิดนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค รองนายกฯและรัฐมนตรีพาณิชย์
ที่ปรึกษาที่เป็นทางการ และที่ปรึกษาที่ตั้งเป็นรายบุคคล หรือที่ปรึกษาโหล จึงโดนหางเลขอย่างทัดเทียม
ข้อดีของการตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง คือสะท้อนให้เห็นถึงการเอาจริงเอาจังของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ใช่ปล่อยปละทอดเวลาไปเรื่อยๆ ทำเสมือนไม่รู้ไม่ทราบกับกระแสของผู้คนในปัจจุบัน
ถัดมาคือจะเกิดผลดีต่อผู้ถูกกล่าวหา หากกรรมการสอบสวนแล้วพบว่าไม่ผิด ก็จะพ้นมลทินได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กรรมการต้องยึดมั่นในการตรวจสอบหาข้อมูลที่ถูกต้องเป็นจริง กล้าแสดงที่มาของข้อมูลสอบสวน เพื่อให้โปร่งใส ลบข้อครหาว่า พยายามช่วยเหลือพรรคพวกเดียวกัน
ซึ่งหากพิจารณาจากรายชื่อกรรมการทั้ง 5 คน ที่นำโดยนายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ดูแลกรุงเทพฯ และประธาน ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์คนปัจจุบัน กับกรรมการคนอื่นๆอีก 4 คน ล้วนแต่เป็นระดับ "มือเก๋า" และมีต้นทุนในระดับที่จัดได้ว่า "สูง" และสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้คนที่รอคำตอบได้อยู่แล้ว
อีกทั้งยังเป็นการเดินตามรอยข้อบังคับพรรคและหลักปฏิบัติของพรรคเหมือนกับที่ผ่านๆมา โดยเฉพาะบรรทัดฐานของผู้มีตำแหน่งทางการเมือง ไม่ว่าจะเป็นผู้ว่าฯ รัฐมนตรี หรือแม้แต่ตำแหน่งทางการเมืองอื่นๆ
ทันทีที่ถูกกล่าวหาโดยมีหลักฐานยืนยันเบื้องต้น อย่างเช่นกรณีนายวิฑูรย์ นามบุตร เมื่อครั้งเป็นรัฐมนตรี พม.แล้วปรากฎพบปลากระป๋องเน่าในชุดสำหรับยังชีพแจกช่วยผู้ได้รับผลกระทบน้ำท่วม นายวิฑูรย์ก็ประกาศลาออก
จึงเป็นมาตรฐานที่ค้ำคอผู้มีตำแหน่งทางการเมืองอย่างนางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ชนิดที่หลีกเลี่ยงได้มาก ไม่ว่าจะเกี่ยวข้องหรือไม่ และเจ้าตัวยืนยันเสียงแข็ง ไม่เกี่ยวข้องกับเริ่องส่งออกหน้ากากอนามัย
แต่ขณะเดียวกัน ก็จะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันที่ถาโถมเข้าใส่นายจุรินทร์อย่างหนักเต็ม 2 บ่า
หลังจากก่อนหน้านี้ ถูกวิพากษ์ว่า ทำตัวนิ่ง ไม่ยอมแจกแจง หรือขยับอะไรในเรื่องนี้ จนนายกฯ "บิ๊กตู่" ยื่นมือย้ายอธิบดีกรมการค้าภายใน
อย่างที่เกริ่นไว้เบื้องต้น หากพ้นข้อกล่าวหาพัวพันเกี่ยวข้องได้ในชั้นกรรมการสอบสวน นอกจากจะสง่างามแล้ว ยังกลับไปมีตำแหน่งทางการเมืองได้อีก และอาจใหญ่กว่าเดิมก็ได้
มาตรฐาน "โดนร้อง-ออกก่อน" ก็จะไม่ถูกท้ายด้วย...