วันที่ 9 เมษายน 2563 จากการณี นายพันธ์ยศ อัครอมรพงศ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคภราดรภาพ ถูกจับกุมได้ที่คอนโดแห่งหนึ่งย่านเพชรเกษม หลังเจ้าหน้าที่สืบทราบว่า นายพันธ์ยศ อยู่เบื้องหลังการกักตุนหน้ากากอนามัยก่อนส่งขายให้กับนายศรสุวีย์ ภู่รวีรัศวัชรี หรือเสี่ยบอย ที่โพสต์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น จนนำไปสู่การถูกดำเนินคดีฐานนำข้อมูลเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
เกี่ยวกับเรื่องนี้ พลตำรวจตรีปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ออกมาระบุ ว่า ตำรวจกำลังเร่งสืบหาตัวตนเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก “แหม่มโพธิ์ดำ” หลังแชร์คลิปการไลฟ์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้นของเสี่ยบอย ซึ่งถือว่าเข้าข่ายความผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์
ต่อมา "เพจแห่มโพธิ์ดำ" ได้ออกมาโพสต์ตอบโต้เจ้าหน้าที่ตำรวจ โดยระบุว่า งานเข้าเฉย เห็นข่าวไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา บอกว่าวันนี้ พลตำรวจตรีปัญญา ปิ่นสุข รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ระบุว่า ตำรวจกำลังเร่งสืบหาตัวตนเจ้าของเพจเฟซบุ๊ก "แหม่มโพธิ์ดำ" หลังแชร์คลิปการไลฟ์ขายหน้ากากอนามัย 200 ล้านชิ้น ของเสี่ยบอย
ซึ่งถือว่าเข้าข่ายความผิดนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จ
แล้วเพจแหม่ม ไปแชร์ตอนไหน มีแต่แคปสิ่งที่เสี่ยบอย โพสต์มาลงในความคิดเห็น ที่ออกมาช่วยสังคมตามหาหน้ากากเพราะโรงพยาบาลทั่วประเทศรวมถึงประเทศไทยไม่มีหน้ากากใช้ ไปไหนไม่รู้ หาไม่เจอ พอบอย โพสต์หลักฐานทั้งคลิป อวดหน้ากาก แถมโพสต์โยงไปถึงคนในรัฐบาล ที่นำมาลงก็เพื่อผลประโยชน์ของภาคประชาชน
แล้วมีหลักฐานอะไรบ้าง ทำเพจมาไม่เคยเป็นเรื่องการเมืองเลยสักครั้ง มีแค่เรื่องหน้ากากเพราะเดือดร้อนกันทั้งแผ่นดิน ส่วนบอย จะมีหน้ากากกี่อันนั่นคือหน้าที่ของตำรวจที่ควรไปสืบหา ไม่ใช่หาไม่เจอทั้งที่คลิปก็เห็นกันอยู่ทนโท่ สุดท้ายกลายเป็นคนแจ้งมีความผิด
ประเทศไหนเขาก็ช่วยคุ้มครองพลเมืองดี คนที่หาหลักฐานเพื่อตามจับคนร้าย แต่ประเทศไทยไอเลิฟยู จะจับเพจเสียแล้ว แถลงการณ์กันยิ่งใหญ่เหมือนตนคือผู้ก่อการร้าย นี่หรือคือการตอบแทนความเสี่ยง รู้สึกผิดหวังมาก ถ้าจะตามทำไมไม่ไปตามหาคนที่โกงชาติโกงแผ่นดิน อย่าเอาแหม่มไปอยู่ตรงกลางของเกมการเมืองเลย