ธาตุแท้คนเป็นอย่างไร จะแสดงออกชัดเมื่อเกิดวิกฤติ สถานการณ์คับขัน
จะร่วมไม้ร่วมมือ ฝ่าฟันอุปสรรคความทุกข์ยากไปด้วยกัน หรือเผ่นหนีเอาตัวรอด มักได้เห็นเด่นชัดในสถานการณ์หน้าสิ่วหน้าขวาน
อย่างกรณีโควิด 19 เราได้เห็นความเสียสละของคนที่อาจมีฐานะทางเศรษฐกิจ หรือสถานะทางสังคมสูงกว่า พร้อมช่วยเหลือเยียวยาสนับสนุนผู้คนที่ได้รับผลกระทบโดยตรงคือการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด 19
อย่างเช่นดาราบางกลุ่ม นักการเมืองท้องถิ่นบางคน เศรษฐีใจบุญบางท่าน (หน้าเดิมๆ หน้าใหม่หรือเจ้าสัวชื่อดังไม่ค่อยมี) บริจาคเงินให้โรงพยาบาลบ้าง กองทุนบ้างสนับสนุนการจัดซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์
ศิลปินนักร้องทั้งระดับประเทศและท้องถิ่น ทำเพลงรณรงค์ให้ความรู้ประชาชน และให้กำลังใจทั้งบุคลากรทางการแพทย์และคนไทยทั่วไป เพื่อร่วมฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปให้ได้
ขณะที่รัฐบาล ก็งัดหลากหลายมาตรการ ทั้งรับมือและสะกัดยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด 19 และช่วยเหลือเยียวยาประคับประคองระบบเศรษฐกิจและประชาชนอย่างต่อเนื่อง
แม้อาจจะไม่สมบูรณ์เพอร์เฟ็คท์ มีช่องโหว่ที่ต้องเร่งแก้ไขหรือต้องโดนวิพากษ์วิจารณ์อยู่บ้าง แต่ถือเป็นการตระหนัก และสะท้อนให้เห็นถึงความระแวดระวังรอบคอบอย่างมาก ยังไม่นับรวมระบบสาธารณสขและการรับมือโรคติดต่อร้ายแรงระดับโลก ที่แม้แต่ประเทศมหาอำนาจยังต้องอิจฉา และศึกษาเป็นบทเรียน
แต่ในทางกลับกัน เราก็ยังได้เห็นคน หรือกลุ่มคน ที่ฉกฉวยโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ใส่ตนและพวกพ้อง ท่ามกลางความทุกข์ยากของผู้ตน ตั้งแต่กักตุนหน้ากากอนามัย เพื่อกระจายขายทางสื่ออออนไลน์และช่องทางอื่นๆ รวมกระทั่งส่งออกขายในต่างประเทศ ทั้งที่กระทรวงพาณิชย์ ประกาศให้เป็นสินค้าควบคุมตั้งแต่ 4 ก.พ.และมีผล 5 ก.พ.
คนไทยทั่งประเทศได้เห็นคำพูดที่ไม่ตรงกันของหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องกับหน้ากากอนามัย ได้เห็นการประกาศขายโครมๆทางออนไลน์ หรือแม้แต่ไลฟ์สดขายผ่านเฟซบุ๊ค ขณะที่ประชาชนหาซื้อไม่ได้ แม้กระทั่งถึงขณะนี้ รวมทั้งแอลกอฮอล์ ที่ไม่มีขายในท้องตลาด ทั้งที่ผู้บริหารบางหน่วยงานคุยฟุ้งน้ำลายกระเด็นส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วทั้งบาง ว่ามีจัดสรรให้ร้านขายยาและร้านค้าเพื่อให้ผู้คนหาซื้อได้
ขณะที่โรงพยาบาล แพทย์ พยาบาล และบุคคลากรทางการแพทย์ ซึ่งจำเป็นอย่างยิ่งต้องใช้อุปกรณ์เหล่านี้ สำหรับรักษาพยาบาลผู้ป่วย ก็ขาดแคลนหนักถึงขั้นต้องประกาศขอบริจาคจากประชาชน
คนไทยยังได้เห็นคำวิพากษ์วิจารณ์นานาสาระพัดเรื่องจากคนไทยด้วยกันเองบางส่วนบางจำพวก ที่ตำหนิด่าทอรัฐบาลและหน่วยงานต่างๆในแทบทุกเรื่องแบบสาดเสียเทเสีย อ้างไม้ได้เรื่อง ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นธรรม ไร้ฝีมือความสามารถ
แต่คนเหล่านี้ เมื่อมีมาตรการช่วยเหลือเยียวยาจากภาครัฐออกมาครั้งใด กลับไปยืนอยู่ในคิวหรือขึ้นทะเบียนขอรับบริการทุกครั้งไป
ล่าสุด เงินเยียวยาช่วยเหลือแรงงานและกลุ่มอาชีพอิสระนอกระบบประกันสังคม คนละ 5,000 บาท รวม 6 เดือน (จากเดิม 3 เดือน) ซึ่งทางการเริ่มทยอยโอนเงินให้ผู้ลงทะเบียนขอรับสิทธิ์ ตั้งแต่เริ่มวันใหม่ 8 เมษายน เป็นต้นไป
ขณะที่ผู้เดือดร้อนต่างดีใจที่ได้รับเงินดังกล่าว เพราะเท่ากับสามารถประคับประคองชีวิตและคนในครอบครัวต่อไปได้ แต่กลับมีคนจำพวกหนึ่ง ที่อาจไม่ได้ลำบากจริง แต่ไปลงทะเบียนไว้เผื่อฟลุคชิงตัดหน้าคนที่เดือดร้อนรายอื่นๆ แล้วได้รับเงินโอนเข้าบัญชี ได้โพสต์ภาพและข้อความเหยียดหยันและดูแคลนเงิน 5 พันบาท ว่าเป็นเพียงเศษเงินบนตู้เย็น และบางรายโพสต์ว่า ได้เงินค่าโบท็อกซ์ฟรีๆ จึงสร้างความไม่พอใจอย่างมากสำหรับผู้คนทั่วไป ที่หวังพึ่งพาเงินก้อนนี้ ต่างรุมวิพากษ์ ตำหนิพฤติการณ์ และการกระทำที่ไม่เข้าท่า แบบจัดหนักจัดเต็ม จนสุดท้ายต้องโพสต์ขอโทษ และชิงปิดเฟซบุ๊คในที่สุด ท่ามกลางการเสือกไสไล่ส่งของผู้คน รวมทั้งนักกฎหมายและอัยการบางคน ที่เห็นควรฟ้องดำเนินคดีให้เป็นคดีตัวอย่าง เพื่อไม่ให้เป็นเยี่ยงอย่างต่อไป
รวมทั้งนักการเมืองที่เป็นนักกฎหมาย อย่างนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล
คำพังเพยว่าไว้ สันดอนขุดได้ แต่สันดานขุดไม่ได้ ดูแล้วเป็นความจริงแน่นอน 100% ครับ