"วิน เมธวิน" อดทนรีดน้ำหนักทิ้งไป 10 กิโลฯ เพื่อรับบทนี้ "ไบร์ท วชิรวิชญ์" เผย เขินสุดๆ หลังมีซิงเกิลเป็นของตัวเอง ลั่น ความฝันไม่ได้อยากเป็นนักแสดง แต่เป็น "นักร้อง" ...
ซีรีส์ "เพราะเราคู่กัน 2gether The Series" ก็จับมือร่วมทางกันมาเกินครึ่งทางไปเรียบร้อยแล้ว และเป็นอย่างที่คาดหวัง กระแสในอีพีที่ 8 เปรี้ยงปร้างดั่งเช่นเคย แถมมีซีนซาบซึ้งตรึงหัวใจให้ชาวซีรีส์ได้จดจำเป็นฉากในตำนานอีกฉากหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งกระแสนั้นก็มีทั้งด้านชื่นชมเหมาะสมโอเค แต่เมื่อมีด้านดีๆ แล้วย่อมต้องผุดอีกด้านควบคู่กันไปเสมอ ซึ่งเราๆ ท่านๆ ที่เป็นแฟนคลับตัวจริงทั้งในนิยายและทางซีรีส์ ก็คงทราบๆ กันดี
ทั้งนี้ ในข้อผิดพลาดหรือคำติชมทุกอย่างนั้น ทางทีมงานก็ได้รับรู้และทำความเข้าใจเพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานต่อไป ไร้ดราม่ายืดยาว และถ้าหากใครยังไม่ทราบข้อติติงหรือสิ่งที่เป็นประเด็นให้พูดกัน ก็จงเข้าทวิตเตอร์และพิมพ์แฮชแท็ก #คั่นกูEP8 ก็จะมีหลากหลายความคิดเห็นที่ออกมากล่าวถึงอีพีนี้กันค่อนข้างยืดยาว ก็ถือว่าจบลงแบบฟินบ้างไม่ฟินบ้างก็แล้วแต่ความคิดของแต่ละคนละกันเนอะๆๆ
ล่าสุด สองหนุ่มคู่จิ้นฟินทะลุโลก อย่าง "ไบร์ท วชิรวิชญ์ ชีวอารี" และ "วิน เมธวิน โอภาสเอี่ยมขจร" ได้ควงคู่กันมาเผยความรู้สึกที่มีต่อกัน พร้อมเปิดมุมมองใหม่ที่ได้จากซีรีส์เรื่องนี้ รวมทั้งเล่าประสบการณ์ความสนิทสนมเกินใครหยั่งถึงที่มีต่อกันและกันในรายการ "ทอล์ก กะ เทย" โดยมี "ป๋อมแป๋ม นิติ ชัยชิตาทร" เป็นผู้ดำเนินรายการ ...
ตอนนี้ซีรีส์มันประมาณกี่ตอนแล้วนะมันครึ่งทางแล้วใช่ไหม ในวันที่ปล่อย MV ครั้งแรกเกิดอะไรขึ้นบ้าง ?
ไบร์ท : ก็คนเข้ามาอยู่เยอะครับเห็นว่าติดเทรนด์ด้วย (MV เพลงคั่นกู ทะลุ 10 ล้านวิวไปเรียบร้อยแล้ว เย้ !!)
เราได้สำรวจหรือได้คุยกันไหมว่าทำไมอยู่ดีๆ ถึงมันถูกใจแฟนๆ ได้เยอะขนาดนี้ อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้ให้คนชอบเรากะทันหันและจำนวนมากขนาดนี้ ?
ไบร์ท : ผมว่าด้วยอาจจะได้สไตล์ซีรีส์มันค่อนข้างจะดูง่ายดูได้ทุกเพศทุกวัย มันถึงได้กลุ่มคนดูที่กว้างขึ้น เท่าที่ผมรู้สึกจริงๆ จุดประสงค์เราตอนแรกที่ทำก็รู้สึกว่าอยากจะให้คนที่ไม่เคยดูหรือคนที่อยากจะลองดู เพราะเรื่องของเรามันดูง่ายให้ดูเรื่องนี้เป็นเรื่องแรก มาสตาร์ตตรงนี้ เป็นเหมือนประตูเปิดทาง แล้วถ้าคุณชอบคุณอยากจะดูเรื่องที่แอดวานซ์กว่านี้ก็ได้
เพราะเคมีของเราทั้งคู่หรือเปล่าที่เป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์เรื่องนี้มันเป็นที่ชื่นชอบมาก ?
วิน : ผมว่ามีส่วนนะครับ เพราะในชีวิตจริงของเราก็สนิทกันอยู่แล้ว พอได้เข้าซีนด้วยกันมันทำให้เป็นธรรมชาติไม่มานั่งเกร็ง
จริงหรือที่เราสนิทกันอยู่แล้วทำให้เวลาเราต้องเข้าซีน จำพวกมองตากันใกล้ๆ หรือว่าแบบจูจุ๊บ การสนิทกันแบบนี้เหรอที่ทำให้ไม่เขินกัน ?
ไบร์ท : เหมือนว่าเรารู้จักกัน เริ่มต้นเรารู้ว่าต้องทำงานด้วยกัน มันก็เหมือนเวิร์กกันมาตลอด มันเลยไม่รู้สึกว่าต้องเขินกัน เวิร์กกันมาตลอดหมายถึงทำงานครับพี่ฮ่าๆๆ จริงๆ เราแทบไม่ค่อยคุยกันเรื่องเขินเลยนะ เขินก็เขินในบท แต่เราจะอินแล้วเราก็ค่อยๆ ทำไปตามบท
เรื่องนี้จากบทประพันธ์เดิมมันดังอยู่แล้วสมัยเป็นนิยาย แล้วพอเขาประกาศว่าเป็นเราสองคนเล่นกัน ข้อหนึ่งที่มีคนตั้งคำถามมามากก็คือวินตัวใหญ่ไปหรือเปล่า เราตั้งรับกับคำถามนี้ยังไง ?
วิน : ก็พอเขาโพสต์รูปมาผมก็เห็น feedback ว่าใช่ผมตัวใหญ่ไปจริงๆ พอรู้ว่าต้องมาทำหน้าที่ในเรื่องนี้เลยจะทำให้มันสมบทบาทมากที่สุดนะครับ ก็ลดไป 10 กิโลกรัม เพราะว่าผมก็เชื่อว่าทุกคนมีจินตนาการแล้วว่าไทน์เป็นยังไง อยากให้ตัวเราเองใกล้เคียงกับไทน์มากที่สุด
ใช้เวลาเท่าไหร่ในการลดน้ำหนัก ?
วิน : ก็ประมาณเดือนสองเดือนครับ ผมรู้สึกภูมิใจครับเรื่องนี้ เพราะผมเป็นคนชอบกินแบบชอบกินมากๆ อ่ะ กินทุกอย่างที่ขวางหน้าครับ (ไบร์ทพูดเสริม : ล่าสุดกินกล้องในกองถ่ายด้วยครับ)
ไบร์ท : อย่างเช่นเขาจะมีตะกร้าเอาไว้ให้กองถ่ายกินนะครับ มันจะมีอยู่เต็มตะกร้าเลยวินกินคนเดียวหมดเลยครับ
วิน : ผู้กำกับมาอีกทีนึงเอาหายไปไหนหมดเลยอะ
วินทำยังไงถึงลดได้ถึง 10 กิโลฯ ?
วิน : ทำ fasting ครับคือกิน 8 ชั่วโมงไม่กิน 16 ชั่วโมง คือตอนแรกผมก็ปรึกษาพี่ไบร์ทก่อนเลย พี่ทำยังไงถึงได้ลีนถึงได้มีซิกส์แพ็กอะไรแบบนี้ พี่เขาก็บอกว่าให้ทำวิธีนี้ (ไบร์ทเสริม : มันก็ต้องออกกำลังกายควบคู่กันด้วยนะครับ)
แล้วในช่วง 8 ชั่วโมงนั้นวินกินอะไร ?
วิน : กินอาหารคลีนครับ
ถือว่าเป็นความจริงจังและเป็นความตั้งใจที่ทำให้ทุกคนได้เห็นปรบมือชื่นชม วินได้อะไรจากการเล่นเรื่อง together The Series เพราะเราคู่กัน ?
วิน : ได้เจอพี่ไบรท์ครับ
มีอะไรที่เรารู้สึกว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ดี ถือเป็นเรื่องราวดีๆ ที่เราได้ทำงานเรื่องนี้ ?
ไบร์ท : ผมรู้สึกว่าได้เปิดโลกเหมือนกันครับ พอเราได้เข้าไปเล่นกับวิน ซึ่งผมไม่เคยเล่นกับผู้ชายนะครับ พอผู้กำกับสั่งคัตเนี่ยเราก็จะออกมาแบบ เมื่อกี้นี้เราเขินผู้ชายเหรอวะ คือมันแปลกดีเว้ย เราได้เห็นอะไรอีกมุมนึง ได้รู้จักคนอีกคนหนึ่ง เป็นคนแบบนี้ ได้รู้ว่าเขาคิดอะไร เขามีเหตุผลที่จะทำอะไรเพราะอะไรแบบนี้
ป๋อมแป๋ม : คือประโยชน์ของการเป็นนักแสดงเนี่ยคือมันทำให้เรารู้จักประสบการณ์ที่เราไม่ต้องมีความจำเป็นต้องไปเสี่ยงทำในชีวิตจริง
ไบร์ท : เหมือนไปเรียนรู้ชีวิตเขา ในช่วงเวลาหนึ่งของเขา
ป๋อมแป๋ม : ก็เติบโตขึ้นจากการทำงานเรื่องนี้ ทั้งในเรื่องการงานและชีวิตของเราด้วย
มันมีซีนนึงเป็นซีนที่สำคัญของเรื่องนี้คือเป็นซีนสอนกีตาร์ เขินนะ ?
ไบร์ท : (หัวเราะ) คือไบร์ทเล่นเป็นอยู่แล้ว แบบพอเล่นได้ครับ
ส่วนวินเล่นเป็นไหม ?
วิน : เล่นเป็นนิดหน่อยครับ แบบงูๆ ปลาๆ ครับแบบตีคอร์ดง่ายๆ อ่ะครับ
เราต้องสอนกันจริงๆ ไหมในซีนที่ต้องสอนกีต้าร์กัน ?
ไบร์ท : จริงๆ น้องพอเล่นเป็นอยู่แล้วครับ แต่ว่าบางซีนที่มันค่อนข้างจะยากนิดนึง เราก็ต้องมารุมช่วยกันช่วยกันสอน รุม มันคนเดียวแล้วก็...อึ้สอึ้สอึ้ส
การสอนเล่นกีตาร์เนี่ยมันหวานได้ยังไงอ่ะ ?
ไบร์ท : คือถ้าในชีวิตจริงให้เราสอนกีตาร์คนคนนึงมันยากนะพี่ เหมือนกับสอนคนคนหนึ่งทำอะไรสักอย่างมันต้องใจเย็น เมื่อกี้เขินมากเลยนะเนี่ย เด็กๆ คือไม่ได้ฝันว่าอยากเป็นนักแสดงนะครับแต่ความฝันคืออยากเป็นนักร้อง ตอนที่หลบอยู่หลังประตูแล้วเห็นพี่เล่นกีตาร์แล้วมีแฟนคลับมาร้องเพลงเราก็แบบ ดีใจอ่ะ
อ่านข่าว ไบร์ท-วิน อย่างต่อเนื่อง
"ไบร์ท" สุดช็อก !! ยอดเงินบริจาคดับไฟเชียงใหม่ พุ่งเกินคาด ขอบคุณเหล่าแฟนคลับ