ติดเชื้อลดแต่ตายต่อเนื่อง ปอดสำคัญสุด ใช่รวยหรือจน

2020-04-13 04:17:08

ติดเชื้อลดแต่ตายต่อเนื่อง ปอดสำคัญสุด ใช่รวยหรือจน

Advertisement

แม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อเพิ่มของไทย จะลดลงตลอด นับตั้งแต่ประกาศใช้คอร์ฟิว 3 เมษายนเป็นต้นมา เกือบทุกวันลดต่ำกว่า 100 คน ยกเว้นวันที่ 8 เมษายน ที่ยอดพุ่งกลับไปที่ 111 คน แต่เป็นเพราะมีคนไทยกลุ่มหนึ่งเดินทางกลับจากแสวงบุญที่อินโดนีเซีย แล้วพบผู้ติดเชื้อในกลุ่มนี้ถึง 42 คน

วันที่ 11 เมษายน ยอดติดเชื้อเพิ่ม 45 คน และ 12 เมษายน เหลือเพียง 33 คน

แต่ในทางคู่ขนานกัน และไม่ควรมองข้ามไป คือมีผู้ป่วยที่เสียชีวิตทุกวันต่อเนื่องกันมา 10 เมษายน ตายเพิ่ม 1 คน 11 เมษายน ตาย 2 คน และ 12 เมษายน ตายอีก 3 คน ทำให้ยอดสะสม (ถึงวันที่ 12 เมษายน ตายรวม 38 ราย)

และผู้ป่วยที่ตาย ก็ไม่ใช่เฉพาะผู้สูงอายุเหมือนในช่วงแรกๆ แต่คละกันไป รวมทั้งวัยกลางคน และบางคนอายุเพียง 28 ปี โดยมีข้อมูลประกอบทั้งมีโรคประจำตัว เบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคอ้วน

เท่ากับผู้ป่วย ที่เข้ารับการรักษา มีทั้งโอกาสรักษาหายกลับบ้านได้ (นับถึง 12 มษายน หายแล้ว 1,218 ราย) และที่สุ่มเสี่ยงอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของอาการ สภาพร่างกายของคนป่วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปอด ซึ่งเป็นอวัยวะสำคัญที่โควิด 19 จ้องโจมตี

ไม่ได้ขึ้นอยู่กับฐานะทางการเงิน หรือชื่อเสียง หรือสถานะทางสังคมแต่อย่างใดไม่

กรณีของแมทธิว ดีน และลิเดีย ภรรยาสาว เป็นกรณีศึกษาที่ชัดเจน แมทธิวประกาศแจ้งว่าติดเชื้อโควิด 19 เมื่อ 13 มีนาคม และเข้า รพ.รักษาในวันเดียวกัน ส่วนลิเดียเข้ารพ.ตามไปในอีก 3 วันถัดมา กระทั่งครบ 1 เดือนแล้ว ก็ยังมีผลเป็นบวก แม้สภาพร่างกายจะสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาอะไรเลยก็ตาม

ขณะที่แพรวา ณิชาภัทร นักแสดงและนักร้องสาว เจ้าของผลงานเพลง "รักติดไซเรน" ออกจาก รพ.ไปกักตัวดูอาการต่อที่บ้านได้แล้ว หลังจากผลตรวจเมื่อ 28 มีนาคม มีค่าลบ เป็นครั้งที่ 2

"รองอ๊อด สารคาม" หรือ นพดล ศรีทวีกาศ สื่ออาวุโสและนักจัดรายการมวยชื่อดัง แห่ง เอสเอสเอ็ม ทีวี ที่เชื่อว่าน่าจะติดเชื้อโควิด 19 จากศึกใหญ่ 6 มีนาคม ที่สนามมวยลุมพินี วันที่แมทธิว ดีน เป็นพิธีกร เข้ารักษาตัวที่สถาบันบำราศนราดูร เมื่อ 15 มีนาคม หลังผลตรวจพบเป็นบวก เป็นอีกคนหนึ่งที่ได้ออกจาก รพ. กลับไปกักตัวที่บ้าน ดูอาการต่ออีก 14 วันหลังรักษาตัวอยู่ 12 วัน

"แม้จะแค่ 12 วัน แต่เป็นช่วงเวลาที่หนักหนาที่สุดในชีวิต โดยเฉพาะ 4 วันแรกเหมือนอยู่ในนรก ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ" รองอ๊อด เปิดใจถึงเหตุการณ์ที่เรียกได้เต็มปากว่า "เฉียดปากเหว" มาแล้ว

"รองอ๊อด" บอกว่า 4 วันแรกกินอะไรแทบไม่ได้เลย ทั้งที่อาหารที่สถาบันบำราศนราดูรจัดให้ ก็ดูดี น่ากิน แต่เบื่ออาหารมาก จนไม่สามารถฝืนกลืนผ่านลำคอที่เจ็บร้าวลงไปได้ แต่ต้องพยายามฝืนเอาชนะให้ได้ เพราะยาที่คุณหมอจัดให้ต้องกินหลังอาหาร

"ไม่มียารักษาโควิด 19 โดยตรง แต่คุณหมอจะรักษาตามอาการ ผมได้รับยา 3 ขนาน (ยารักษาไข้มาเลเรีย ยาต้านไวรัสเอดส์ และฟาวิพิราเวียร์) ต้องอาศัยกล้วยหรือส้ม หย่อนใส่ลำคอ กลืนลงไปให้ได้ เพื่อจะได้กินยา ช่วงแรกๆจะเบลอมาก ฝันไปเรื่อยเปื่อยแบบคนไข้หนัก" รองอ๊อดพูดถึงช่วงเวลาสุดแสนลำบากของชีวิต ปัจจัยที่ทำให้เขามีแรงฮึดสู้ คือลูกชายและแม่ผู้บังเกิดเกล้า รอคอยเขาอยู่ที่บ้าน

คุณหมอจะแจ้งผลให้ทราบผ่านโทรศัพท์ แต่บางครั้งจะไปแจ้งด้วยตัวเอง รองอ๊อดบอกว่าเขาจะไม่มีวันลืมคุณหมอและพยาบาลที่ดูแลรักษาอย่างเด็ดขาด เพราะตั้งแต่ผลเอ็กซเรย์ปอดครั้งแรก พบ 2 จุดที่โดนโควิด 19 โจมตี ถึงขั้นบางวันต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ พวกเขาบอกว่าเราจะสู้ไปด้วยกัน อย่ายอมแพ้

"ใจเริ่มชื้นกลับมา หลังจากผลตรวจเริ่มเป็นลบครั้งแรก และครั้งต่อมา ก็มีผลเป็นลบอีก รวม 2 ครั้งต่อเนื่อง จึงได้รับอนุญาตออกจาก รพ.ไปกักตัวดูอาการต่อที่บ้าน แต่เพื่อนร่วมห้อง ซึ่งเป็นตำรวจติดตามของค่ายมวย และร่างกายแข็งแรงมาก ส่อเค้าจะได้ออกจาก รพ.ก่อนตั้งแต่แรก เพราะผลตรวจเป็นลบก่อนในครั้งแรก แต่ครั้งต่อมา กลับเป็นบวกใหม่ จึงต้องพักรักษาตัวต่อไป

รองอ๊อดย้ำคำของคุณหมอว่า สภาพร่างกายและปอดของคนไข้จะสำคัญในลำดับแรก การรักษา และเวลาในการรักษา จึงขึ้นอยู่กับปัจจัยดังกล่าว

โควิด 19 จึงไม่เลือกชั้นวรรณะ คนรวยหรือคนจน มีโอกาสติดเชื้อเหมือนกันหมด

ทางแก้ที่ดีที่สุด คืออย่าติดเชื้อไวรัสร้ายตัวนี้ครับ