ม็อบโฉดรุมขืนใจอดีตนักข่าวสาวแสนทารุณ ถูกท่อนไม้กระทุ้งของลับ สาหัสปางตาย

2020-04-16 18:35:30

ม็อบโฉดรุมขืนใจอดีตนักข่าวสาวแสนทารุณ ถูกท่อนไม้กระทุ้งของลับ สาหัสปางตาย

Advertisement

โดนเสาธง-ท่อนไม้ ยัดของลับ ยับเยินเกือบตาย อดีตนักข่าวหญิง ถูกม็อบโหดรุมข่มขืนทารุณ



เคยปฏิบัติหน้าที่ลงภาคสนามมามากต่อมาก ประสบการณ์ด้านข่าวโชกโชน เป็นหนึ่งในนักข่าวแถวหน้าของวงการสื่อมวลชนเป็นที่รู้จักใครๆ ต่างให้การยอมรับ จนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันสะเทือนทั้งใจกายที่สุดในชีวิต ต้องตกเป็นเหยื่อของเหล่าอาชญากรเสียเอง อดีตนักข่าวหญิงอเมริกัน ออกมาเล่าประสบการณ์นรก ตอนถูกกลุ่มผู้ประท้วงรุมข่มขืน ขณะรายงานข่าวที่ประเทศอียิปต์ เผยถูกทารุณเอาท่อนไม้และเสาธงกระทุ้งเข้าที่อวัยวะเพศ เจ็บปวดแสนสาหัสทรมานเจียนตาย






เมื่อวันที่ 15 เมษายน 2563 เว็บไซต์เดลี่เมล รายงานว่า "ลารา โลแกน" อดีตนักข่าวหญิงชาวอเมริกัน ได้ออกมาบอกเล่าประสบการณ์สุดเลวร้ายที่เธอได้รับ ขณะรายงานข่าวเกี่ยวกับอาหรับสปริง (Arab Spring) กลางดงม็อบที่อียิปต์ โดยเธอถูกผู้ชายนับไม่ถ้วนรุมข่มขืนอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน รวมทั้งถูกเอาเสาธงและท่อนไม้ยัดอวัยวะเพศ จนร่างกายบอบช้ำสาหัสรุนแรง แทบเอาชีวิตไม่รอด





"ลารา" เคยเป็นนักข่าวของสถานีโทรทัศน์ CBS News และทำรายการ 60 Minutes เธอเป็นนักข่าวภาคสนามสายลุยและเคยลงพื้นที่สงครามมาแล้ว

ปี 2554 เป็นช่วงที่อาชีพการงานของลารากำลังรุ่งถึงขีดสุด เธอได้เดินทางไปอียิปต์เพื่อทำข่าวเกี่ยวกับประเด็นที่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค ถูกโค่นอำนาจ ซึ่งในช่วงเวลานั้นเอง สถานการณ์อาหรับสปริง หรือคลื่นปฏิวัติและสงครามของโลกอาหรับ กำลังคุกรุ่นมากขึ้นเรื่อยๆ





ในคืนหนึ่ง ลารารายงานข่าวอยู่ที่จัตุรัสทาห์รีร์ ในกรุงไคโร ท่ามกลางกลุ่มผู้ประท้วงที่กำลังเฉลิมฉลองการปฏิวัติอียิปต์

เธอเล่าย้อนถึงคืนสยองนั้นว่า ตอนแรกสถานการณ์ดูปกติดี ฝูงชนดูเหมือนว่าจะชื่นชอบคนอเมริกัน แต่แล้วจู่ ๆ ล่ามก็หันมาหาเธอด้วยสีหน้าหวาดกลัวสุดขีด แล้วตะโกนบอกว่า "วิ่ง ! วิ่งหนีไป !" ตอนนั้นลารารู้สึกได้ว่ามีคนเอามือจับที่หว่างขาของเธอ ทำให้เธอตกใจมาก เธอกับทีมงานจึงรีบวิ่งหนีกันอย่างไม่คิดชีวิต





อย่างไรก็ตาม กลุ่มม็อบกว่า 200 คน ได้วิ่งตามพวกเธอไปด้วย ตอนนั้น เรย์ แจ็คสัน การ์ดรักษาความปลอดภัยของทีม ได้บอกให้เธอตั้งมั่นเอาไว้แล้วเกาะตัวเขาไว้ให้แน่น แต่ทุกอย่างวุ่นวายมาก เหล่าทีมงานถูกแยกออกไปคนละทิศละทาง เธอพยายามวิ่งหนีม็อบ แต่หนีไม่พ้น และถูกรุมล้อม เธอได้ยินพวกผู้ชายตะโกนกันว่า "จับนางนั่นถอดกางเกงออกซะ"

"ฉันคิดอย่างเดียวว่าถ้าฉันโดนจับอยู่ตรงนี้ ฉันต้องตายแน่ ๆ ฉันจึงพยายามต่อสู้แบบสุดแรงเกิดเท่าที่ฉันจะทำได้ แต่ฉันสู้อยู่ได้แค่ประมาณ 15 นาที กลุ่มผู้ชายเหล่านั้นก็ฉีกทึ้งเสื้อผ้าฉัน ลูบคลำทั่วตัวฉัน ข่มขืนฉัน รวมทั้งใช้ท่อนไม้และไม้เสาธงเสียบเข้ามาในตัวฉัน ตอนนั้นฉันหลุดจากเรย์ไปนานแล้ว พวกเขายื้อแย่งตัวของฉัน และผู้ชายเหล่านั้นรุมข่มขืนฉันซ้ำแล้วซ้ำเล่า"  ลารา เล่า



นักข่าวหญิง เผยว่า เธอทั้งช็อกและหวาดกลัวอย่างที่สุด หลังจากถูกรุมทุบตี ทรมานและข่มขืนซ้ำ ๆ เธอก็หมดแรงที่จะต่อสู้ ได้แต่ทนอยู่แบบนั้น แล้วก็คิดไปถึงหน้าลูก ๆ 2 คนที่ยังเล็ก ทุกอย่างเลวร้ายมาก อีกทั้งยังแทบหายใจไม่ได้ เพราะซี่โครงถูกกดทับ



ผู้ชายพวกนั้นเหมือนจะพยายามฉีกร่างเธอเป็นชิ้น ๆ ทั้งดึงทึ้งแขนเธอ และกระชากผมเธออย่างแรงจนหนังหัวแทบจะหลุด ลาราถูกลากไปลากมาอยู่แบบนั้น จนไปถึงจุดที่กลุ่มผู้ประท้วงส่วนใหญ่เป็นผู้หญิงและเด็ก พวกผู้หญิงจึงได้เข้ามาช่วยเธอ



ตอนนั้นร่างของลาราเปลือยเปล่าและบอบช้ำอย่างสาหัส ตรงนั้นมีผู้ชายประปราย เด็กผู้ชายหลายคนและผู้หญิงจำนวนมาก พวกเธอช่วยกันโยนเสื้อผ้ามาปกคลุมร่างของนักข่าวสาว ลาราคิดว่าเธอคงต้องตายแน่ๆ จนกระทั่งชาวบ้านผู้หญิงวิ่งไปตามทหารประมาณ 20 นายมาช่วยเหลือและปฐมพยาบาลเธอ

ลาราถูกนำตัวกลับไปยังโรงแรม ซึ่งมีหมอเข้ามาดูแลรักษาในเบื้องต้น หลังจากนั้นไม่นานเธอก็ถูกนำตัวขึ้นเครื่องบินกลับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลในสหรัฐอเมริกา



ลารา เล่าว่า ฮิลลารี คลินตัน รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น และนายบารัค โอบามา ประธาธิบดีสหรัฐฯ ในขณะนั้น ได้โทร. มาหาเธอเป็นการส่วนตัวเช่นกัน

ลารา กล่าวว่า ตอนนั้นไม่มีกลุ่ม #MeToo ที่หยัดยืนเคียงข้างผู้หญิงมาแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีตได้ และไม่มีใครพูดถึงนักข่าวหญิงที่ถูกรุมข่มขืนจนเกือบตาย มีแต่สื่อแย่ ๆ ที่รายงานข้อมูลผิด ๆ ว่าเธอแทบไม่ได้ถูกล่วงเกินอะไรเลย ซึ่งเธอได้ฟ้องร้องสื่อเจ้าดังกล่าวแล้ว โดยเธอกล่าวหนักแน่นว่า การรายงานข่าวว่าเธอไม่ได้ถูกข่มขืน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับและให้อภัยได้



ทั้งนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในครั้งนั้นเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสในชีวิตที่เคยพบเจอมา และการออกมาพูดเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่อย่างน้อยเธอก็กล้าออกมาบอกให้สังคมได้รับรู้ ซึ่งทางสถานีโทรทัศน์ก็ได้ชื่นชมความกล้าหาญของเธอ