สุดเศร้า! หนุ่มลูก 3 ป่วย บริษัทให้เขียนใบลาออก น้อยใจเขียนจดหมายสั่งเสียเมีย ก่อนตัดสินใจผูกคอจบชีวิต
วันที่ 24 พ.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ร.ต.อ.บัญชา ชอบธรรม รอง สว.(สอบสวน) สภ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี ได้รับแจ้งมีคนผูกคอตายที่บ้านเช่า หมู่ที่ 5 ต.ช่องสาลิกา อ.พัฒนานิคม จึงได้เดินทางไปตรวจสอบพร้อมทั้งได้ประสานแพทย์เวร รพ.พัฒนานิคม นคร888 และอาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ร่วมเดินทางไปยังจุดที่เกิดเหตุ
ที่ห้องเช่าหมายเลข 2 พบมีชาวบ้านจับกลุ่มพูดคุยอยู่จำนวนหนึ่ง ภายในห้องพบร่างนายประพันธ์ โยศรีคุณ อายุ 48 ปี อยู่บ้านเลขที่ 105 หมู่15 ต.โสน อ.ขุขันธ์ จ.ศรีสะเกษ ในลักษณะกึ่งนั่งงอเข่า สภาพศพสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีฟ้า กางเกงขายาวสีน้ำเงิน ใช้เชือกสีแดงมัดโยงกับเหล็กดัดประตูห้องผูกคอตัวเองเสียชีวิตในลักษณะกึ่งนั่ง ซึ่งจากการชันสูตรพลิกศพไม่พบบาดแผลร่องรอยการถูกทำร้าย ตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุไม่พบร่องรอยการต่อสู้ ในเบื้องต้นคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ชั่วโมง ที่บนโต๊ะภายในห้องพบจดหมาย และนาฬิกา 1 เรือน วางทับอยู่ โดยในข้อความของจดหมายเขียนว่า “แม่จ๋าพ่อไปก่อนนะ เลี้ยงลูกดีๆนะ”
จากการสอบถาม น.ส.ภะวนา โยศรีคุณ อายุ อายุ 44 ปี ภรรยา ให้การด้วยความเศร้าโศกว่า สามีตนเองอยู่ด้วยกันมานานนับสิบปี มีลูกด้วยกัน 3 คน และทำงานด้วยกันที่บริษัทฯ ใกล้ห้องเช่ามานาน ระยะหลังสามีป่วยด้วยโรคตับแข็ง ร่างกายอ่อนแอ ลางานบ่อย แต่ยังใจแข็งไปทำงาน ซึ่งงานที่สามีทำนั้นต้องใช้พละกำลังในการทำงาน จนเพื่อนร่วมงานสงสาร หัวหน้างานก็พยายามที่จะเปลี่ยนแผนกให้สบายยิ่งขึ้น แต่เนื่องจากสภาพร่างกายอ่อนแอมาก จากโรคร้าย หัวหน้างานจึงได้เรียกให้ไปเขียนใบลาออกเมื่อกลางเดือน พ.ค. 63 ที่ผ่านมา ซึ่งสามีก็พยายามที่จะยื้อเวลาออกไป ตนเห็นว่าหากปล่อยระยะเวลาอาจทำให้สามีต้องออกไปทำงานอีก อยากให้พักผ่อนอยู่กับลูก จึงได้ตัดสินใจไปเขียนใบลาออกให้สามีด้วยตนเองเมื่อวันที่ 23 พ.ค.63 ที่ผ่านมา
จากนั้นได้โทรบอกกับสามีว่าวันนี้ไปลาออกให้แล้ว จะได้พักผ่อน และขอตัวไปหาลูก พรุ่งนี้เช้าจะกลับมาหา เมื่อมาถึงห้องได้เคาะเรียก แต่ไม่มีเสียงขานรับ พยายามดันประตู ก็เหมือนตัวคนขวางเอาไว้ อย่างที่เคยแกล้งกัน เมื่อประตูเปิดออกต้องตกใจสุดขีดเมื่อพบว่าสามีผูกคอตายเสียแล้ว ทั้งนี้จากการสอบสวนสันนิษฐานว่าผู้ตายคงน้อยใจที่ไม่สามารถทำงานช่วยเหลือครอบครัวได้ จึงได้ตัดสินใจผูกคอตายลาโลกดังกล่าว ร้อยเวรได้นำร่างส่งพิสูจน์การตายอีกครั้งที่ รพ.ก่อนมอบศพให้กับญาตินำกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาต่อไป