เพิ่มข้อหาหนักอดีตตำรวจเอี่ยวการตายจอร์จ ฟลอยด์ โทษคุก 40 ปี

2020-06-04 06:10:35

เพิ่มข้อหาหนักอดีตตำรวจเอี่ยวการตายจอร์จ ฟลอยด์ โทษคุก 40 ปี

Advertisement


เดเรค เชาวิน อดีตตำรวจผิวขาว วัย 44 ปี เมืองมินนีแอโพลิส รัฐมินนิโซตา สหรัฐ ซึ่งเป็นคนใช้เข่ากดทับลำคอของนายจอร์จ ฟลอยด์ ชาวอเมริกันผิวดำ วัย 46 จนขาดใจตายในพื้นที่เมืองมินนีแอโพลิสในวันจันทร์ที่ 25 พฤษภาคมที่ผ่านมา ถูกตั้งข้อหาใหม่หนักขึ้นในวันพุธ จากข้อหาเดิม “ฆ่าผู้อื่นโดยไม่เจตนา (Third-degree murder) และฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน (Second-degree manslaughter)” เป็น “ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาเเต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน” (second-degree murder) ซึ่งมีโทษจำคุกสูงสุด 40 ปี

ส่วนอดีตตำรวจอีก 3 คน ที่อยู่ในเหตุการณ์ด้วยและถูกปลดออกจากตำแหน่งแล้ว คือ โทมัส เลน วัย 37 ปี, เจ อาเลกซานเดอร์ เคง วัย 26 ปี และตู เทา วัย 34 ปี ซึ่งก่อนหน้านี้ ยังไม่ได้ถูกตั้งข้อหา ก็ถูกตั้งข้อหาให้ความช่วยเหลือ (aid and abet) ในการฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาแต่ไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน และให้ความช่วยเหลือในการฆ่าผู้อื่นโดยไม่ได้ไตร่ตรองไว้ก่อน หลังจากกลุ่มผู้ประท้วงทั่วสหรัฐเรียกร้องให้ตำรวจ 3 นายที่อยู่ในเหตุการณ์ ถูกตั้งข้อหาด้วย



คีธ เอลลิสัน อัยการสูงสุดของรัฐมินนิโซตา กล่าวระหว่างการประกาศตั้งข้อกล่าวหาใหม่ว่า เขาเชื่ออย่างจริงจังว่า พัฒนาการเหล่านี้อยู่ในความสนใจของความยุติธรรมสำหรับนายฟลอยด์, ครอบครัวของเขา, ชุมชนและรัฐของพวกเรา ส่วนวุฒิสมาชิก เอมี โคลบูชาร์ ของรัฐมินนิโซตา เขียนบนทวิตเตอร์ "นี่คืออีกก้าวย่างหนึ่งของความยุติธรรม" ขณะที่ ครอบครัวของฟลอยด์เผยแพร่ถ้อยแถลง ระบุว่าข่าวเกี่ยวกับการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมนั้นเป็นช่วงเวลาที่หวานอมขมกลืน "มันเป็นก้าวย่างสำคัญบนถนนที่มุ่งสุ่ความยุติธรรม และเราพอใจที่ความเคลื่อนไหวที่สำคัญนี้มาก่อนพิธีฝังศพจอร์จ ฟลอยด์"

การประกาศเพิ่มและตั้งข้อหาใหม่ มีขึ้นกว่า 1 สัปดาห์หลังจากฟลอยด์เสียชีวิต ขณะเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมตัวในเมืองมินนีแอโพลิส ซึ่งจุดชนวนให้เกิดการประท้วงทั่วประเทศ เรียกร้องให้ตำรวจยุติการใช้ความรุนแรงต่อพลเมืองผิวดำ โดยกลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติ และการสังหารชาวอเมริกันผิวดำของตำรวจ ซึ่งเกิดขึ้นปล่อยครั้ง รวมตัวประท้วงต่อเนื่องในช่วง 9 วันที่ผ่านมา ส่วนใหญ่เป็นไปอย่างสงบ แต่ก็มีหลายเมือง สถานการณ์รุนแรง ทั้งปล้นห้างร้านและเผาทรัพย์สิน รวมทั้งการปะทะกับตำรวจ และหลายเมืองมีการประกาศใช้เคอร์ฟิว การประท้วงยังลุกลามในหลายประเทศด้วย โดยในวันพุธ มีประชาชนออกมาชุมนุมในออสเตรเลีย, ฝรั่งเศส, เนเธอร์แลนด์ และในสหราชอาณาจักร ซึ่งมีประชาชนหลายพันคนชุมนุมกันในใจกลางกรุงลอนดอน