"ผู้สื่อข่าวช่องดัง" ยื่นลาออกจากต้นสังกัดเพิ่มอีกราย อ้างเหตุลำบากใจทำข่าว "น้องชมพู่" จนญาติพี่น้องตีกัน
เมื่อวันที่ 9 ก.ย. จากกรณีที่หัวหน้าช่างภาพสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง ตัดสินใจลาออกจากต้นสังกัดหลังนำเสนอข่าวนายไชย์พล วิภา หรือลุงพล ผู้ต้องสงสัยในคดีการหายตัวไปของน้องชมพู่ อายุ 3 ขวบ เสียชีวิตปริศนาบนภูเหล็กไฟ บ้านกกกอก ต.กกตูม อ.ดงหลวง จ.มุกดาหาร จนลุงพล โด่งดังกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ ล่าสุด ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ "Sakda Wannasut" ซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ช่องดังกล่าว โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า ยุติบทบาทในฐานะผู้สื่อข่าว เพื่อนหลายคนเห็นโพสต์นี้คงตกใจว่าเกิดอะไรขึ้น เราต้องบอกก่อนว่า เราทำงานกับทางช่อง ระยะเวลา 1 ปี 2 เดือน เรารู้สึกขอบคุณที่ช่องให้โอกาสเสมอมา ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่าน ขอบคุณพี่ๆทุกคนที่ดีกับเรา ที่สอนเราหลายๆอย่าง แต่เมื่อเราทำงานมาเรื่อยๆหลายๆอย่าง อาจจะไม่ตรงกับสิ่งที่เราคาดหวังเอาไว้ ทำให้เราไม่สามารถฝืนความรู้สึกตัวเองและเดินต่อต่อไปได้ เราตัดสินใจไปคุยกับพี่ (รอง ผอ.ฝ่ายข่าว) และบอกว่าเราอยากพัก ซึ่งพี่แกก็เคารพการตัดสินใจของเรา
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายเดิมยังระบุอีกว่า เราใช้เวลาคิดและตัดสินใจ 1 เดือนเศษ ใช้ช่วงเวลาที่เราทำงานอยู่บ้านกกกอก เพื่อติดตามคดีน้องชมพู่ ขณะที่เราอยู่ที่นั่นนานวันเข้า เราตั้งคำถามกับตัวเองต่างๆ นานา และคำตอบในหัวเรา มันทำให้เราไม่มีความสุขกับการทำงาน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาเราไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้ เราไม่สามารถขัดแย้งอะไรได้ ซึ่งทุกครั้ง เราต้องก้มหน้าก้มตาทำต่อไปเรื่อยๆ เราลำบากใจหลายอย่าง และที่ลำบากใจไปมากกว่านั้นคือการเข้าถึงสิทธิส่วนบุคคล เพื่อให้ได้มาซึ่งข้อมูลบางอย่าง ตัวเรามองว่ามันไม่เหมาะเท่าไหร่ แม้บางคนเขาจะเต็มใจก็ตาม ถามว่าคนดูได้อะไรจากสิ่งเหล่านั้น ได้ประโยชน์อะไรหรือไม่ นอกจากได้ดูความขัดแย้งกันของเครือญาติ อย่างที่เราบอกในโพสต์ก่อนหน้าว่า เรารับรู้ถึงกระแสของเพื่อนๆ กับการต่อว่าสื่อมวลชน ซึ่งเราไม่มีโอกาสได้อธิบายให้ใครฟังมากมายนัก แต่เราก็ไม่อยากให้เพื่อนเหมารวมสื่อมวลชน อยากให้ทุกคนเข้าใจว่าสื่อมวลชนก็เป็นเพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง ทำงานภายใต้กรอบขององค์กร และการทำงานของแต่ละองค์กรย่อมต่างกัน ฉะนั้นวัฒนธรรมองค์กรนั้นล้วนแตกต่างกันออกไปเช่นกัน ทุกคนทำหน้าที่ของตัวเองในบริบทของตัวเองอย่างดีที่สุดแล้ว
ผู้ใช้เฟซบุ๊ก รายเดิมทิ้งท้ายว่า สุดท้ายในนามของเราเอง ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งและเกี่ยวข้องโดยตรงกับเรื่องนี้ เราขอโทษทุกคนต่อการนำเสนอข่าวที่เกิดขึ้น จนมันนำพาสังคมให้มาถึงจุดนี้ได้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราก็แค่ทรัพยากรบุคคลคนหนึ่ง ไม่สามารถท้วงติงหรือแก้ไขอะไรได้มาก เพราะเมื่อเราอยู่ในระบบ เราก็ต้องทำ ดังนั้นเราจึงขอถอยออกมา เพราะเราไม่อยากเป็นส่วนหนึ่งของระบบ เราขอบคุณทุกกำลังใจที่ส่งมาหาเรา และห่วงใยเรา จากกันด้วยดี ขอบคุณผู้ใหญ่ทุกท่านครับ พ้นสภาพอย่างเป็นทางการ