เดินเกมผิดคิดจนปวดหัว !! "ไข่มุก เดอะวอยซ์" เหลิงใช้เงินเก่งแทบหมดตัว

2020-11-18 10:10:25

เดินเกมผิดคิดจนปวดหัว !! "ไข่มุก เดอะวอยซ์" เหลิงใช้เงินเก่งแทบหมดตัว

Advertisement

มือเติบ !! "ไข่มุก รุ่งรัตน์" แทบหมดตัว น้ำตาตกเกือบต้องเริ่มจากศูนย์



เป็นนางเอกละครเรตติ้งพุ่งสุดๆ ของช่อง สำหรับ สาว "ไข่มุก รุ่งรัตน์" ที่ชีวิตก่อนเข้าวงการต้องดิ้นรนทุกอย่างเพื่อให้ได้เงินมาช่วยแม่เลี้ยงดูครอบครัว แถมเมื่อประสบความสำเร็จมีชื่อเสียงจากการประกวดกลับใช้เงินมือเติบ ภายในระยะเวลาไม่กี่ปีเงินหมดจนแทบจะต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่ ซึ่งงานนี้เจ้าตัวมาเล่าให้ฟังทุกประเด็นผ่านทางรายการคุยแซ่บSHOW 

กว่าจะมาเป็นนางเอกดาวรุ่ง ชีวิตผ่านอะไรมามาก ?



ไข่มุก : ตอนเด็กมีพ่อแม่พี่น้อง 5 คนคะในบ้าน แต่ว่าพ่อไม่ได้อยู่ด้วยจะมาบ้างเพราะว่าทำงาน เดือนละครั้งที่เจอพ่อ เสาหลักของบ้านคือแม่ หนูกับแม่จะช่วยหาเงิน หนูเห็นแม่ลำบากมาตั้งแต่เด็กเลยอยากจะทำอะไรก็ได้ที่ช่วยแม่หาเงินได้ รับจ้างล้างจาน





ลำบากแต่มีอาหารดีๆ กินทุกวัน ?
ไข่มุก : ใช่ค่ะ เพราะว่าแม่เป็นแม่บ้านฝรั่งทำเสื้อผ้า ทำอาหาร คนจีน คนญี่ปุ่น ซึ่งเวลาเขาทำอาหารปาร์ตี้ เขาจะกินของดีๆ ทุกอาทิตย์เขาจะปาร์ตี้กันอยู่แล้ว ซึ่งพออาหารมันเยอะมันไม่หมด เขาก็บอกแม่ให้เอากลับมาให้ลูกได้นะ เราก็ได้กิน พอตอนประถมเราก็เริ่มไปรำครูพาไปก็ได้เงินมา บางทีก็ได้ทิปด้วย พอมัธยมเรารู้ว่าร้องเพลงได้เงินเยอะกว่าก็เลยร้องเพลง จนได้เงินเพิ่ม บางวันก็รับ 2 งาน รวมทิปด้วยวันนึงก็ 3-4 พัน ทำเกือบทุกวัน เราคิดว่ามันได้เร็วและเรามีเวลาแค่ช่วงเลิกเรียนด้วยจะไปทำงานประจำก็ไม่ได้



อยากไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนบ้างมั้ย ?
ไข่มุก : หนูมองว่าเราไปตรงนั้นแล้วไม่มีประโยชน์ ด้วยความที่เราเห็นแม่ทุกอย่างลำบากแล้วไม่มียังไง ส่วนน้องกับพี่เป็นผู้ชาย เราเป็นผู้หญิงและสนิทกับแม่ก็เลยได้รับรู้ทุกอย่างและก็ช่วย



เห็นแม่ลำบากมาแต่เด็กทำให้เราเป็นผู้ใหญ่เกินวัย ?
ไข่มุก : ใช่คะ ถ้าชีวิตหนูนิยามสั้นๆ ว่าทำไมถึงมีวันนี้หนูตอบคำเดียวคือแม่ ตั้งต่อนุบาลหนูร้องเพลงวันเด็กร้องเต้นมีเวทีที่ไหนหนูจะขึ้นเพื่อเอาเงินรางวัลนั้นไปให้แม่ เงินจากพ่อได้บ้างไม่ได้บ้าง จังหวะที่พ่อกับแม่เลิกกันด้วยมีปัญหาตอนแรกเราก็โกรธตอนที่แม่ท้องน้องแล้วพ่อหายไป อันนี้มันเป็นอีกอย่างที่ทำให้รีบโตเพื่อหาเงินให้แม่ให้ได้ เพราะว่าเรามีน้อง หนูอยากมีน้องมาก เราเลี้ยงน้องตั้งแต่วันแรกเลย



เราก็หาเงินได้ แต่พอจะเข้ามหาลัยทำไมถึงไม่มีเงิน ?


ไข่มุก : มันไม่ได้มีทุกเดือนคะ ช่วงที่หนูร้องเพลงจะเป็นช่วงปีใหม่ งานบวช งานสงกรานต์ พอแม่ไม่มีเงินส่ง เราก็คิดว่าเราเรียนไม่เก่งจะไปสอบที่ไหนได้ เลยทำพอร์ตยื่นเรียนทุน 100% ก็ไปเล่าให้แม่ฟังแม่ดีใจมาก แต่เราไม่น้อยใจที่ไม่มีเงินเรียน เราเข้าใจแม่ หลังจากรู้ว่ามีที่เรียนแล้ว แต่ในระหว่างเรียนจะเอาตังค์ที่ไหนใช้ เพราะว่าหลังจากที่ไปประกวดรายการนึงก็ชนะแต่เรามีปัญหาครอบครัวต้องใช้ตังค์

เข้ามหาลัยได้ไปเซ็นสัญญากับค่ายใหญ่ ?
ไข่มุก : เราแข่งรายการจบก็มีงานกับที่นั่น ก็มีไปโชว์ตัวโน่นนี่ ก็เรียนด้วยทำงานด้วยต้องมาอยู่หอค่าใช้จ่ายก็เพิ่มขึ้น ก็ไปรับร้องเพลงเพราะต้องใช้เงินทั้งนั่งบีทีเอสไปเรียนวันนึงหลายร้อย มีช่วงนึงที่เราไม่มีแล้วเราไม่กล้าบอกแม่เพราะแม่ก็จะต้องไปยืมคนอื่นมาให้ ก็ให้เพื่อนบอกครูให้หน่อยว่าเรามีงานแต่จริงๆ คือนอนอยู่ห้องไม่มีเงินไปเรียน



อะไรที่ผลักดันให้เราไปประกวดเดอะวอยซ์ ?


ไข่มุก : ช่วงนั้นเป็นเวลา 1 เดือนที่เราลำบากมากๆ มีพี่มาขอเบอร์บอกว่าเราเสียงดีให้ไปร้องแทน เจอเจ้าของร้านบอกว่าทำไมไม่ไปเดอะวอยซ์ จนเราคิดว่ามันไกลตัวมากเลยเราก็ไม่ได้เสียงดีอะไร จนมาถึงวันสุดท้ายที่เปิดออดิชั่นพี่เขาก็โทรหาหนูถามว่าไปหรือยัง เราก็คิดทำไมไม่ลองดู ซึ่งคิดว่าถ้ารายการนี้ไม่ประสบผลสำเร็จจะไม่ประกวดแล้ว จะไปหางานประจำให้ได้เงินแน่ๆ คนที่ดูถูกเราก็เยอะแบบไม่ได้หรอก ไม่ดังหรอกจะไปสู้อะไรเค้าได้

ไปประกวดไม่ชนะ แต่มีงานเข้ามาเยอะ ?
ไข่มุก : ใช่คะ เราอยากกินอะไรที่เราไม่ได้กิน พาแม่ไปกินอยากได้อะไรก็ได้ ซื้อๆๆๆ ตอนนั้นมีเป็นล้านแต่หมดไวมาก มีเรื่อยๆเราก็ใช้เรื่อยๆ อะไรที่ไม่จำเป็นซื้อก็ซื้อ เสื้อผ้าทีสิบยี่สิบชุด เราก็แบบเดี๋ยวมันก็มีงานเรื่อยๆเดือนหน้าก็มี เราหวังพึ่งน้ำบ่อหน้าเสมอ จนมาสามปีเรามาถามตัวเองว่าทำไมงานน้อยลง เราก็ซอฟต์ลงแต่ก็ซื้อรถดาวน์ไป 500,000 ราคามัน 2 ล้าน แต่ตอนนี้ขายรถแล้วค่ะ หนูขับไม่เป็นแล้วหนูกลัวมันพัง เราก็เริ่มเรียนรู้แล้วงานก็ไม่ได้มีเหมือนเดิม แล้วเงินมันหายไปมากแล้ว มีก้อนนึงที่เหลือมีค่าโน่นนี่ที่ต้องจ่ายที่เราสร้างไว้ทั้งรถทั้งคอนโด งานน้อยมากๆ จนพอแค่จ่ายหนี้ เอาเงินก้อนสุดท้ายที่เหลือดาวน์บ้าน



เหลือ 7,000 ทั้งตัว ?
ไข่มุก : ใช่ค่ะตอนแรกบ้านไม่มีแอร์ ไม่มีผ้าม่านเลย ตอนนี้ด้วยการใช้เงินที่ไรวาระของเรา มีพี่คนโน้นคนนี้ที่สอนเราเรารู้สึกว่าทำไมไม่ลองทำดู เพราะเขาก็บอกว่าเข้าวงการใหม่ๆ เขาใช้เงินฟุ่มเฟือยมากและเขาก็รู้ว่าเราใช้เงินยังไง เลยสอนให้ทำวิธีมีเงินเก็บ ไม่อยากให้เหลิงค่ะ