เชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 1 ราย เป็นหญิงวัย 46 ปีจากระยอง ติดเชื้อจากเทรนเนอร์ฟิตเนส
เมื่อเวลา 20.30 น.วันที่ 27 ธ.ค. นพ.กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ (ผู้ช่วย นพ.สสจ.เชียงใหม่) เปิดเผยว่า จ.เชียงใหม่ได้มีการเข้มงวดการระบาดของโควิด- 19 ใน จ.สมุทรสาคร ในช่วงที่ผ่านมา และคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ได้เพิ่มมาตรการเฝ้าระวังเข้มข้นนั้น พบว่าได้ตรวจผู้ที่มีประวัติเสี่ยง เดินทางมาจาก จ.สมุทรสาครในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่ 21-26 ธ.ค. ไปแล้วกว่า 144 คน ผลตรวจหาเชื้อเป็นลบทั้งหมด แต่จากข้อมูลที่ ศบค. แถลงในช่วง 1-2 วันที่ผ่านมา พบว่ามีการระบาดเพิ่มเติม โดยเฉพาะในพื้นที่ จ.ระยอง ทำให้เราต้องเฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่มีประวัติเสี่ยงเพิ่มเติมมากขึ้น จนกระทั่งวันนี้ ทาง สสจ.เชียงใหม่ ได้รับรายงานว่าพบผู้ติดเชื้อที่มีประวัติสัมผัสกับผู้ป่วยจาก จ.ระยอง ได้เดินทางมาใน จ.เชียงใหม่ และตรวจพบเชื้อ เป็นหญิงไทย อายุ 46 ปี ภูมิลำเนา อ.เมือง จ.ระยอง เดินทางเข้ามาใน จ.เชียงใหม่ เมื่อช่วงเช้าของวันที่ 26 ธ.ค. 2563 มีอาการระคายคอ คอแห้ง อุณหภูมิ 37.4 องศาเซลเซียส ไม่มีอาการไอ ไม่มีน้ำมูก การได้กลิ่นและรับรสปกติ ประกอบกับได้รับข่าวจากผู้ที่เคยใกล้ชิด พบผลการตรวจติดเชื้อโควิด-19 จึงได้เดินทางเข้าไปตรวจที่ รพ.เอกชน ในจ.เชียงใหม่ พร้อมแจ้งประวัติการเดินทางจากพื้นที่เสี่ยง และสัมผัสกับผู้ป่วยโควิด-19 ที่จ.ระยอง ผลตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 ขณะนี้รับรักษาตัวที่ห้องแยกความดันลบ รพ.นครพิงค์ จ.เชียงใหม่ ซึ่งถือเป็นผู้ป่วยโควิด-19 รายที่ 47 ของจ.เชียงใหม่ แต่เป็นเพียงการนำเชื้อเข้ามาจากภายนอกจังหวัด ยังไม่พบการระบาดใน จ.เชียงใหม่แต่อย่างใด
นพ.กิตติพันธุ์ กล่าวต่อว่า ทางทีมสอบสวนโรค สสจ.เชียงใหม่ ลงพื้นที่สอบสวนโรค พบไทม์ไลน์ของผู้ป่วย ดังนี้วันที่ 24 ธ.ค. 2563 ได้เข้าใช้บริการในสถานที่ออกกำลังกายแห่งหนึ่ง ใน จ.ระยอง และได้พูดคุยกับเทรนเนอร์ ซึ่งต่อมาเป็นผู้ป่วยยืนยันติดเชื้อโควิด-19 ของ จ.ระยอง วันที่ 26 ธ.ค. 2563 เวลา 09.35 – 11.00 น. เดินทางจากอู่ตะเภา มา จ.เชียงใหม่ ด้วยสายการบิน Thai Airasia (FD101 ที่นั่ง 22C) พร้อมสามี ลูก 2 คน และพี่เลี้ยง 1 คน มารดาไปรับจากสนามบิน แวะเยี่ยมครอบครัวน้องสาวก่อนเข้าไปที่บ้านพักส่วนตัวย่านสถานีรถไฟ เวลา 17.00 น. เข้าไปตรวจที่ รพ.เอกชน เนื่องจากทราบประวัติว่าเทรนเนอร์ตรวจพบเชื้อ ก่อนจะรับเข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน เพื่อรอฟังผลวันที่ 27 ธ.ค. 2563 เวลา 12.00 น. ผลตรวจพบเชื้อไวรัสโคโรนา 2019เวลา 14.00 น. ส่งต่อผู้ป่วยเพื่อรับการรักษาที่ รพ.นครพิงค์ ผลการติดตามผู้สัมผัส ทั้งหมด 127 ราย ได้แก่ ผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง 30 ราย(ผู้สัมผัสในครอบครัว 4 ราย , ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 26 ราย) ผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ จำนวน 97 ราย (ผู้สัมผัสในยานพาหนะ 86 ราย , บุคลากรทางการแพทย์ 11 ราย) ซึ่งได้ติดตามตัวและนัดเก็บสิ่งส่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 (4-5 วันหลังที่สัมผัส) และได้กักกันตัวเพื่อสังเกตอาการสำหรับผู้สัมผัสใกล้ชิดเสี่ยงสูง จนครบ 14 วัน
นพ.กิตติพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ทางคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงใหม่ ได้มีวางมาตรการเฝ้าระวัง ป้องกันควบคุมโรค โดยให้มีผลกระทบกับการดำเนินชีวิต และเศรษฐกิจของชาวเชียงใหม่ให้น้อยที่สุด เป้าหมายในการควบคุมโรค จึงไม่ใช่การปิดกั้นผู้เดินทางมาใน จ.เชียงใหม่ เพื่อให้ตัวเลขผู้ป่วยเป็นศูนย์ หากเป็นการตรวจพบผู้ป่วยที่มีการติดเชื้อที่เข้ามาในจังหวัดอย่างรวดเร็ว และป้องกันไม่ได้เกิดการระบาดในวงกว้าง การตรวจพบผู้ป่วยรายนี้ แสดงให้เห็นถึงมาตรการเฝ้าระวังที่ คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้วางไว้ ด้วยความร่วมมือของทั้งภาครัฐและเอกชน ทำให้ผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อสามารถเข้ารับการดูแลได้อย่างเหมาะสมทันเวลา สำหรับประชาชนนักท่องเที่ยวยังสามารถเดินทางมาทางเข้ามาได้ โดยการดำเนินมาตรการป้องกันและควบคุมโรคตามที่ทางจังหวัดได้วางไว้ เป็น 3 กลุ่ม คือผู้สัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังพื้นที่ระบาด โดยปกติต้องกักตัวอยู่แล้ว แต่หากมาทราบภายหลัง ก็สามารถเข้าตรวจได้ในทุกสถานพยาบาลผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่ จ.ที่มีการระบาด แต่ไม่ได้สัมผัสผู้ติดเชื้อ หรือเดินทางไปยังสถานที่ที่มีการระบาด ท่านสามารถรายงานตัวต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อ เพื่อเข้ารับการตรวจหาเชื้อได้โดยสมัครใจ โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายในการตรวจทางห้องปฏิบัติการ สำหรับผู้ที่เดินทางมาจากพื้นที่อื่นๆ ให้ท่านปฏิบัติตามมาตรการที่ทางจังหวัดได้กำหนด ไม่ว่าจะเป็นการบันทึกข้อมูลในระบบ CM-Chana เมื่อท่านเดินทางเข้าจังหวัด ปิดหน้ากาก 100 เปอร์เซ็นต์เช็คอินไทยชนะตามจุดต่างๆ