กลายเป็นที่จับตามองหลังสาว"เอ็มมี่ อมลวรรณ ศิริกิตติรัตน์" หรือ "เอ็มมี่ แม็กซิม" ออกมาโพสต์ภาพกับครอบครัว เสก โลโซ, กานต์ วิภากร, เสือ เสฏกานต์ บนอินสตาแกรมส่วนตัวพร้อมแคปชั่นว่า "ขอบพระคุณพ่อแม่ที่มั่นใจในตัวหนูนะคะ สัญญาจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด #เอ็มมี่ก็รักเสือ เหมือนที่พ่อกับแม่รักค่ะ #พวกเรารักครอบครัวLoso" จนหลายคนต่างตีความไปต่างๆนานถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ล่าสุดสาวเอ็มมี่ได้ออกมาแถลงข่าวถึงเรื่องนี้พร้อมกานต์ วิภากรและน้องเสือ เผยถึงประเด็นข่าวต่างๆว่า
วันนี้เปิดบ้านแถลงข่าว สรุปประเด็นข่าวที่เกิดขึ้นคือ?
เอ็มมี่ : ก็วันที่เอ็มมี่โพสต์รูปเป็นวันที่เอ็มมี่ขอบคุณพ่อกับแม่ที่ไว้วางใจให้เอ็มมี่มาดูแลเสือ คือจริงๆมันก็ผิดที่เอ็มมี่ไม่ได้พูดว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัว อันนี้บอกตรงๆว่าหนูไม่กล้าพูดว่าหนูเป็นผู้จัดการเสือเพราะมันทำตัวยากมากด้วยความที่เขามีโปรไฟล์ที่ดีอยู่แล้ว และด้วยความที่คุณพ่อเค้าเป็นศิลปินแนวหน้าของเมืองไทย มันเลยกดดันว่าแล้วเราจะไปดูแลลูกเค้าได้หรอ เราก็กลัวคอมเมนต์ว่าเราดูแลตัวเองให้รอดก่อนมั้ย เรารู้ว่าคุณพ่อคุณแม่รักเสือมาก โอเคเอ็มมี่ก็จะรักเสืออย่างที่คุณพ่อคุณแม่รักแค่นั้นเองค่ะ ขอบคุณคุณพ่อคุณแม่ที่มั่นใจในตัวเอ็มมี่ ต้องขอบคุณพี่กานต์ด้วยที่ตีสองครั้งได้ไลน์มาหนูก็ตกใจเลยไม่กล้าเปิดอ่านก็เลยโทรหาเสือก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น อยู่ไหน ทำอะไร แม่ถึงเป็นห่วงขนาดนี้ เขาก็บอกว่าไม่มีอะไรนะ เอ็มมี่ก็เลยตัดสินใจโทรกลับไปคุยค่ะ พี่กานต์ก็เลยบอกว่าอยากให้เสือโตด้วยตัวเอง อยากให้มาในเส้นทางบันเทิงด้วยตัวเอง แล้วเสือเค้าอยากมาเล่นละคร หนูก็เลยขำว่าพี่กานต์อำหนูใช่มั้ย เพราะหนูรู้สึกว่าเค้าสามารถหาผู้จัดการที่ดีกว่าหนูได้ เค้าก็บอกว่ากานต์ไม่เอาจะเอาเอ็มมี่ ก็ให้แม่พูดดีกว่าเนอะว่าทำไมถึงอยากได้เอ็มมี่
กานต์ : คือไม่เคยนึกถึงใคร ไม่เคยทักไปหาใคร อยู่ดีๆคืนนั้นก็ทักไปว่าเอ็มมี่ช่วยเสือด้วย (หัวเราะ) ก็เลยโทรไปหาน้อง เค้าก็บอกว่าเดี๋ยวหนูหาผู้จัดการให้ เราก็บอกว่าไม่เอาๆ เอ็มมี่แหละ คือน้องเสือเค้ามุ่งมั่นอยากที่จะทำงานในวงการบันเทิงโดยที่ไม่ใช่นักร้อง แต่อยากเป็นนักแสดงด้วย เรากับเสกจะอยู่ในวงการนักร้องเลยไม่รู้เรื่องงานแสดงเราก็เลยบอกเอ็มมี่(หัวเราะ)
เอ็มมี่ : วันนั้นเอ็มมี่เลยบอกว่ายังไม่ต้องเซ็นสัญญาขอพิสูจน์ตัวเองก่อน หนูก็เลยหางานอีเว้นท์ให้เสือได้ 3-4งานได้ ในตอนที่เรายังไม่ได้เซ็นสัญญานะคะ แล้วก็ไปเห็นทางเฟศบุ๊กโพสต์หานักแสดงแล้วเค้าโพสต์ว่าถ้าอยากเป็นนักแสดงต้องกล้าที่จะแคส หนูก็เห็นผู้จัดการนักแสดงหลายๆคนทักเข้าไปและเค้าก็ดูแลศิลปินดังๆค่ะ หนูก็คิดว่าถ้าได้ไปแคสเราคงไม่ได้แน่ๆเลย หนูก็คิดว่าไม่เป็นไรส่งเสือเข้าไปแคสสรุปว่าเสือได้ละคร พอเค้าได้งานละครหนูก็แบบกลัวจะเสียเพชรเม็ดงามไปก็เลยเอาสัญญาให้ดูก่อนว่าเป็นแบบนี้โอเคมั้ย พอทั้งคู่โอเคก็เลยตัดสินใจเซ็นสัญญากัน ณ วันนั้นเอ็มมี่ก็ได้เป็นผู้จัดการเสือจริงๆค่ะ
ที่คุยกันตอนนั้นนานหรือยัง?
เอ็มมี่ : สองเดือนแล้วค่ะ เราก็กลัวไงเพราะพ่อเค้าเป็นศิลปินแนวหน้า แล้วหนูเป็นใครอ่ะ ใครก็มองว่าเป็นตัวตลกของวงการจะไปดูแลลูกเค้าได้หรอ มีแต่ข่าวฉาว ทำอะไรก็โดนด่า แล้วถ้ามาบอกว่าเป็นผู้จัดการเสือโดนแน่ ก็เลยตัดสินใจลองหางานให้น้องก่อน หนูพาน้องไปกดสิวคือทุกอย่างอ่ะ ก่อนไปทำงานหนูก็จ้างช่างแต่งหน้านะ คือหนูดูแลทุกอย่างและหนูเชื่อว่าเสือไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน ตอนแรกคือจะไม่เปิดตัวว่าเป็นผู้จัดการนะจนกว่าเสือจะสำเร็จและไปได้สุดของชีวิตแล้วเราค่อยเปิดตัว แต่ด้วยความที่แม่เค้าก็เมตตาเอ็มมี่มากก็เลยตัดสินใจโพสต์รูปขอบคุณแม่แค่นั้นเอง
หลังจากตัดสินใจเป็นผู้จัดการส่วนตัวแล้วเป็นยังไงบ้าง?
เอ็มมี่ : เค้ารู้ว่าเอ็มมี่ดุ
เสือ : ก็รู้สึกดีครับ คือผมมุ่งมั่นที่อยากเข้าวงการมาสักพักหนึ่งแล้วครับหลังจากที่กลับมาจากอเมริกา แล้วก็ไม่มีใครที่สามารถเสนอผมเข้าไปได้อย่างเต็มตัว พอคุณแม่ได้คุยกับพี่เอ็มมี่ผมก็รู้สึกดีครับ อย่างตอนที่ผมไปออกรายการต่างๆ ไปหาคอนเนคชั่นใหม่ๆกับคนที่อยู่ในวงการผมก็ไม่ได้ไปคุยอะไรที่ซีเรียสขนาดนั้น พอไม่กี่เดือนที่ได้คุยกับพี่เอ็มมี่ ผมรู้จักพี่เอ็มมี่ผ่านรายการอะไรสักอย่างเมื่อสองสามปีที่แล้วแต่ก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกัน แต่ก็มีทักกันบ้างว่ามีงานอะไรบ้าง พอได้คุยก็ลงตัวกันมากขึ้นเพราะตอนนั้นก็ไม่ค่อยรู้จักอะไรกันมาก แต่พอได้รู้จักกันพี่เอ็มมี่ก็ดูแลดี เค้ามืออาชีพมาก พอเค้าหางานอีเว้นท์ให้ผมได้ในช่วงแรกๆมันก็เป็นอะไรใหม่ๆที่ผมได้เข้ามาก็รู้สึกดีใจครับว่าเราทำได้ วันข้างหน้าก็น่าจะมีงานมากขึ้นพอสมควร ผมก็ตื่นเต้นกับโปรเจ็คใหญ่ๆที่จะเกิดขึ้นครับ
เราได้บอกเอ็มมี่บ้างมั้ยว่าอยากได้งานแบบไหน?
เสือ : ผมไม่ได้บอกว่าเน้นงานแบบไหน ก็ตามที่เค้าหามาได้ ผมว่าพี่เค้าก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมน่าจะเข้าไปทางไหน เค้าก็หางานที่เหมาะกับผมจริงๆครับ
รู้สึกยังไงที่เขาบอกว่าข่าวเค้าอาจทำให้เป็นผู้จัดการที่ไม่ดี เรารู้สึกยังไงบ้าง?
เสือ : จากใจผมคือเค้าเป็นผู้จัดการที่ดีครับ ตามที่ผ่านมาที่มีงานอีเว้นท์และที่ไปแคสนี่นั้น อย่างนอกงานเค้าก็ดูแลบุคลิกภาพ ดูแลหน้า เค้าดูแลดีจริงๆครับ เค้าก็ทักไลน์มาตลอดซึ่งผมก็ไม่ได้ตอบขนาดนั้น และมีงานอะไรเค้าก็ให้เราเตรียมพร้อมอย่างเป็นระบบดีครับ ตอนนี้กับพี่เอ็มมี่คือเน้นที่งานแสดงครับ งานเพลงก็ยังทำกับทางทีมงานตัวเองอยู่ครับ
เซ็นสัญญากันกี่ปี ?
เอ็มมี่ : 3 ปีค่ะ ผลประโยชน์ที่แบ่งกันก็แบบทั่วไปเลยค่ะ แต่ก่อนที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาเอ็มมี่หักน้องแค่ยี่สิบเปอร์เซ็นเอง อย่างบางงานเอ็มมี่ก็ให้โอนเข้าน้องเลยไม่มีลับลมคมในแล้วค่อยให้น้องโอนกลับมาให้เราเองค่ะ ทุกอย่างเปิดเผย ด้วยความที่น้องยังวัยรุ่นถ้าพรุ่งนี้น้องมีงาน เอ็มมี่จะบอกว่าเสือห้ามแฮงค์เอ้าท์ และเค้าฟังหมดค่ะ
ตลอดเวลาที่เซ็นสัญญากันมาได้งานประเภทไหนมาบ้าง?
เอ็มมี่ : ก็อีเว้นท์มากกว่าเนอะ พอไปแคสงานละครเป็นพระรอง ก็มีผู้ใหญ่จะทำละครอีกก็กำลังจะให้น้องเป็นพระเอกค่ะ กำลังคุยกันอยู่ซึ่งทางผู้ใหญ่ก็เมตตาน้องมากค่ะ
พี่กานต์ว่าไงบ้างตลอดสองเดือนที่ผ่านมา?
กานต์ : กานต์ปล่อยเลยเพราะว่ากานต์จะไม่ยุ่ง ที่กานต์คุยกับเอ็มมี่คือกานต์ไม่อยากให้เสือติดภาพกานต์กับเสก ให้เค้าไปจัดการกันเอง ทุกวันนี้จะคุยอะไรกันก็ผ่านเอ็มมี่ด้วยนะว่าบอกให้หน่อยนะเพราะว่าเราก็ต้องให้เกียรติเค้า และเค้าน่าจะเชื่อฟังกันมากกว่า(หัวเราะ) ถามว่ากลัวคนจะติดภาพว่าน้องเสือเป็นลูกเรามั้ย คืออย่างที่บอกว่าอย่าพยายามคิดอยากให้ดูผลงานที่น้องเสือกับเอ็มมี่เค้าทำกันเพราะพี่ไม่ยุ่งจริงๆ พี่จะไม่แตะเลย
เอ็มมี่ : เวลามีอะไรแม่ก็จะบอกว่าเอ็มมี่คุยให้หน่อยได้มั้ย และถ้าเป็นเรื่องเพลงเอ็มมี่ก็จะไม่ยุ่งทางนี้ เอ็มมี่จะดูเรื่องอีเว้นท์และก็ละคร งานอื่นๆที่สามารถหาให้น้องได้แต่ทุกอย่างต้องเหมาะสมกับเค้า เอ็มมี่จะคำนึงตลอดว่าเค้าคือลูกศิลปินนะ หนูไม่ได้เป็นเบอร์หนึ่งในวงการ หนูถูกตราหน้าว่าเป็นแค่ตัวตลกในวงการมันเลยทำให้หนูรู้สึกกดดัน อย่างถ้าต้องทำโปสเตอร์เสือหนูจะขอดูงานนั้นก่อนได้มั้ยเพื่อที่จะปรับตามความเหมาะสม เราก็จะเกรงใจตรงนี้มากๆด้วยค่ะ
https://www.newtv.co.th/news/73132 ("หมอก้อง" เผยเทคนิคป้องกันหน้ากากอนามัยเลื่อนเวลาพูด
)
อย่างภาพที่ลงกันล่าสุดหลายคนก็สงสัยว่าเสือเป็นพ่อของลูกเอ็มมี่ในท้องหรือเปล่า?
เอ็มมี่ : หนูก็ไม่เข้าใจเนอะ
เสือ : ตอนแรกก็รู้สึกงงๆเนอะเพราะว่ามันไม่จริง แต่พอคนมาคอมเมนต์เยอะๆก็รู้สึกเครียดนิดหน่อยว่าทำไมถึงคิดกันแบบนี้ อย่างเวลาอ่านคอมเมนต์เราก็ต้องคิดก่อนว่ามันเป็นจริงได้หรือเปล่า อย่างผู้หญิงผู้ชายมาทำงานด้วยกันเราอาจจะทำงานในฐานะพี่น้องกันก็ได้ ในฐานะคนทำงานมันไม่ได้ต้องไปอะไรมากกว่านั้น เราไม่ต้องไปเชื่อมโยงอะไรมากกว่านั้น อย่างพี่เอ็มมี่เราก็เป็นพี่น้องกันไม่ได้มีอะไรขนาดที่ต้องไปเชื่อมโยงและไม่น่าคิดเลยครับ ผมก็ไม่อยากไปอ่านคอมเมนต์เลย ก็มีคนรู้จักมาถามว่าข่าวนี้คืออะไรยังไงเลยทำให้ผมไม่สบายใจ ผมก็ต้องบอกเค้าไปว่ามันไม่จริง พี่เอ็มมี่ก็บอกว่าให้ทำใจเพราะเค้าโดนโจมตีมากกว่าผมเยอะและเดี๋ยวมันก็ผ่านไปครับ
กานต์ : เกรียนก็คือเกรียนเนอะ คุณยังไม่รู้จักเลยแล้วคุณมากล้าด่าได้ยังไง คนเรามันไม่ได้ดูแค่โพสต์นะ กานต์ก็ไม่ได้รู้จักเอ็มมี่มานานนะเพิ่งจะมาใกล้ชิดหลังๆเนี่ยถึงได้รู้ว่าเค้าเป็นคนจริงจังเรื่องงานและรับผิดชอบ เป็นคนดี ซึ่งเราสัมผัสได้จริงๆ ปกติก็ไม่เคยติดตามข่าวใครก็ติดตามข่าวเอ็มมี่(หัวเราะ) เราก็ไม่ค่อยรู้แบล็คกราวด์ แต่ถ้าเค้าดีกับเราเขาจะยังไงก็ไม่เกี่ยว
บางคอมเมนต์ก็โยงไปที่พี่เสกด้วย อันนี้พี่กานต์คิดว่ายังไง?
กานต์ : เพ้อเจ้อ ไร้สาระ(หัวเราะ) บ้าหรือเปล่า เค้าเป็นคนจริงจังมากนะ กานต์ก็บอกให้เค้าดุเสือได้เลย คืออยากให้แยกเรื่องของเสกจากพาร์ทการแสดงของเสือ เพราะไม่อยากให้ติดโลโก้กานต์เสกเนอะ
พอคนตีความผิด เอ็มมี่รู้สึกยังไงบ้าง?
เอ็มมี่ : ตอนแรกปวดหัวเรื่องเสือก่อนเพราะเค้าเริ่มเครียดกับคนรอบข้าง เอ็มมี่ก็ถามว่ารักพ่อกับแม่มั้ย ยังอยากโตด้วยตัวเองอยู่มั้ย เค้าก็ตอบว่าใช่ เอ็มมี่ก็อธิบายทุกอย่างเลยว่าเสือลองย้อนกลับไปดูว่าคนที่โดนโจมตีเป็นใคร ณ วันนี้เอ็มมี่จำเป็นมั้ยที่ต้องมานั่งโดนด่าเพราะเรื่องเอ็มมี่กับเสือ หรือเรื่องเอ็มมี่กับโลโซ เราเลยรู้สึกว่าเอาใหม่เริ่มต้นใหม่และคนที่เครียดมากที่สุดคือเรานะ แต่พอได้คุยกันแล้วน้องก็บอกว่าจริงด้วยเค้าเข้าใจกับคำพูดของเรา เราเข้าใจกันง่าย เค้าไม่ดื้อ พ่อแม่เค้าก็ไม่มาก้าวก่ายเลย
ทำไมเราถึงไว้ใจเอ็มมี่?
กานต์ : ไม่รู้เหมือนกัน คือเรามีความุ่งมั่นในใจเราลึกๆอยู่แล้ว คือน้องเสืออยากเป็นนักแสดงอยู่แล้ว เราก็แบบจะไปติดต่อใครใช่มั้ย แต่อยู่ดีๆก็ทักหาเอ็มมี่เฉยเลยทั้งที่ไม่เคยทัก เราก็บอกเอ็มมี่ช่วยเสือด้วย เค้าก็โทรหาเสือเลย แค่นี้ก็พิสูจน์ได้แล้วว่าอะไรเป็นอะไร เราไม่ได้สนิทสนมผ่านรายการแล้วเค้าก็รีบติดต่อมา เราก็รู้ได้ว่าเค้าจริงใจ เราเลยมั่นใจว่าเค้าสามารถทำให้เสือสำเร็จได้
ยืนยันว่าเรากับเสือไม่ได้เป็นอะไรกัน?
เอ็มมี่ : เอ็มมี่กับเสือเป็นผู้จัดการกันจริงๆค่ะ เป็นพี่น้อง คือเป็นมากกว่าที่ทุกคนตีความไปแล้วอ่ะ หนูจะเรียกพี่เสกว่าพ่ออยู่แล้ว เจอกันก็กอดพ่อเพราะหนูไม่มีพ่อเนอะ ก็รักเค้าเหมือนพ่ออยู่แล้ว
คนมองว่าเป็นการสร้างกระแสหรือเปล่า?
เอ็มมี่ : คำว่าสร้างกระแสหนูต้องขอบคุณทุกคนมากกว่า หนูโพสต์ในที่ของหนู่ใช่มั้ย แต่คนที่สร้างกระแสให้หนูคือคนคอมเมนต์ เพราะฉะนั้นหนูต้องขอบคุณทุกคนที่สละเวลาอันมีค่ามาคอมเมนต์ให้หนู อันนี้พูดจริงๆจากใจค่ะ ด่าได้แต่อย่าแรงให้เช็คบัญชีด้วย(หัวเราะ)
พี่เสกว่ายังไงกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นบ้าง?
กานต์ : เสกเค้าไม่รู้รายละเอียด เค้าก็ถามว่าเรื่องอะไรกัน เราก็บอกว่าเรื่องสองคนอะไรอย่างนี้ เค้าก็ไม่คิดอะไรมากเพราะเค้าไม่เล่นมือถือแต่เค้าก็รับรู้หมดค่ะ
แต่ตอนแรกเอ็มมี่ก็โพสต์กำกวม?
กานต์ : ไม่กำกวมนะ เพราะมันเกิดจากความรักกันนะ ถ้าเกิดไม่รักกันเค้าจะโทรมาหาหรือว่าเกิดอะไรตีหนึ่งตีสอง เป็นคนอื่นใครจะมาโทร จริงป่ะ เราโพสต์ไปแล้วเป็นเดือน ความรักมันดีหมด แต่ถ้าเกิดจากผลประโยชน์เนี่ยไม่รอด
เอ็มมี่ : จริงๆรูปนั้นแม่โพสต์ไปแล้วรอบนึงค่ะ แต่ด้วยมือถือหนูพังไงเลยยังไม่ได้โพสต์ พอปีใหม่มาหาพ่อกับแม่พอดีก็เลยโพสต์ขอบคุณพ่อกับแม่ หนูรู้สึกว่าทุกคำพูดที่หนูโพสต์ชัดเจนทุกคำนะว่าขอบคุณที่เชื่อมั่นใจตัวหนู หนูจะรักเสืออย่างที่พ่อแม่รัก แล้วหนูกำกวมตรงไหนอ่ะ คุณต่างหากที่ไม่เปิดใจรับเอ็มมี่
https://www.newtv.co.th/news/73136 (ต้อนรับปีฉลู "มีน พีรวิชญ์" ฤกษ์ดีซื้อบ้านใหม่ราคาเฉียด 20 ล้าน
)
ตอนแรกน้องเสือต้องดูแลพี่เสกด้วย ตอนนี้น้องมาเป็นนักแสดงแล้วใครจะเป็นคนดูแลพี่เสกต่อ?
กานต์ : พี่ไง
เสือ : เรื่องงานวงดนตรีผมไม่ได้ดูมาสักพักนึงแล้วครับ ผมดูตั้งแต่ตอนกลับมาจากอเมริกาถึงช่วงล็อคดาวน์ครั้งแรกครับประมาณเดือนมีนาคมปีที่แล้ว และขอออกมาโฟกัสตัวเองครับ แต่ก็มีบางคืนที่ไปแจมด้วยแต่ไม่ได้ไปรับงานเต็มตัวอะไรครับ
เอ็มมี่อยากฝากอะไรมั้ย?
เอ็มมี่ : เค้าเป็นศิลปินเบอร์แรกของหนู อยากให้เปิดใจรับหนูหน่อย เปิดใจรับเสือหน่อย คนๆนึงอยากจะโตด้วยตัวเองก็อยากให้ผู้ใหญ่ทุกๆท่านเมตตาพวกเราหน่อยนะคะ(ยิ้ม)