กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ แถลงว่า สำนักงานยาของอังกฤษ อนุมัติการใช้ฉุกเฉินวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทโมเดอร์นา พร้อมตกลงสั่งซื้อเพิ่ม 10 ล้านโดส ซึ่งคาดว่าในช่วงฤดุใบไม้ผลิ จะสามารถแจกจ่ายวัคซีนโควิดของโมเดอร์นาได้ จนถึงขณะนี้ มีวัคซีนโควิด 3 ชนิดที่ผ่านการอนุมัติใช้ฉุกเฉินแล้วในอังกฤษ ก่อนหน้านี้เป็นวัคซีนของบริษัทไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค และอีกตัวหนึ่งพัฒนาโดยมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และแอสตราเซเนกา ซึ่งมีการแจกจ่ายและฉีดให้ประชาชนกลุ่มเสี่ยงไปแล้ว
ขณะนี้ อังกฤษสั่งวัคซีนต้านโควิดของโมเดอร์นาแล้ว 17 ล้านโดส และโมเดอร์นาจะเริ่มส่งไปยังสหราชอาณาจักรจากฤดูใบไม้ผลินี้ ซึ่งเป็นช่วงที่โมเดอร์นาขยายขีดความสามารถในการผลิต
ทั้งนี้ วัคซีนโมเดอร์นามีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิดถึง 94 เปอร์เซ็นต์ในการทดลองทางคลินิกขั้นสุดท้าย และได้รับอนุมัติให้ใช้ในสหรัฐ, แคนาดาและสหภาพยุโรปแล้ว
สหราชอาณาจักร มีผู้เสียชีวินจากเชื้อไวรัสโควิดเพิ่มอีก 1,325 ราย ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดที่มีรายงานในวันเดียวตั้งแต่ไวรัสเริ่มระบาด ซึ่งทำให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตทั่วประเทศขยับเข้าใกล้ 80,000 รายแล้ว ส่วนผู้ติดเชื้อรายใหม่ใน 24 ชั่วโมง ก็พุ่งสูงสุดเป็นสถิติอีกครั้ง 68,053 ราย สำนักงานสาธารณสุขอังกฤษ หรือ PHE แถลงว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจะยังคงพุ่งสูงต่อเนื่อง จนกว่าเจ้าหน้าที่จะหยุดการระบาดของไวรัสได้
ตัวเลขผู้เสียชีวิตและติดเชื้อสูงสุดครั้งใหม่นี้ เกิดขึ้นขณะที่รัฐบาลเริ่มรณรงค์ครั้งใหม่ในอังกฤษเรียกร้องให้ประชาชนพาตัวเองเข้ารับวัคซีนต้านโควิด การรณรงค์ ซึ่งรวมทั้งภาพโฆษณาที่มีศาสตราจารย์คริส วิตตี ประธานเจ้าหน้าที่แพทย์ของอังกฤษอยู่ด้วย มีเจตนาเตือนประชาชนให้รับรู้ว่า โควิด-19 กำลังระบาดอย่างรวดเร็ว ซึ่งมีจำนวนมากที่ไม่แสดงอาการ
ในโฆษณา ศาสตราจารย์วิตตี กล่าวว่า โควิด-19 โดยเฉพาะอย่างยิ่งโควิดกลายพันธุ์ กำลังระบาดอย่างรวดเร็วทั่วประเทศ ทำให้ประชาชนจำนวนมากตกอยู่ในความเสี่ยงที่จะล้มป่วยรุนแรง และกำลังเพิ่มแรงกดดันต่อสำนักงานบริการสาธารณสุขแห่งชาติ หรือเอ็นเอชเอส “เป็นอีกหนึ่งครั้ง ที่เราต้องพักอยู่กับบ้าน แต่หากมีความจำเป็นต้องออกจากบ้าน ก็อย่าลืมล้างมือ, สวมหน้ากากอนามัยในสถานที่ปิด และรักษาการเว้นระยะห่างจากคนอื่น
นายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ กล่าวว่า “โรงพยาบาลของพวกเขาตกอยู่ภายใต้แรงกดดันมากกว่าครั้งใดตั้งแต่ไวรัสเริ่มการระบาด และอัตราการติดเชื้อทั่วประเทศ ยังพุ่งสูงต่อเนื่องอยู่ในอัตราที่น่าหวั่นวิตก
ส่วนนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ประกาศภาวะสาธารณภัยครั้งสำคัญ (major incident) ในกรุงลอนดอน จากภาวะการระบาดใหญ่ของโควิด-19 ในพื้นที่ ซึ่งทางการกรุงลอนดอนกังวลว่าทางสาธารณสุขจะรับมือได้ไม่ไหวหากไม่ควบคุมการระบาดในระยะนี้ โดยนายกเทศมนตรีกรุงลอนดอน ซาดิค ข่าน ออกแถลงการณ์ในวันศุกร์ แสดงความกังวลถึงการระบาดของโควิด-19 ในกรุงลอนดอน และอ้างข้อมูลจากสำนักสถิติแห่งชาติของอังกฤษว่า ชาวลอนดอนราว 1 ใน 30 คนพบติดเชื้อโควิด-19 แล้ว และบางพื้นที่อาจมากขึ้นเฉลี่ย 1 ใน 20 คนเสียด้วย
พร้อมกันนี้ นายกเทศมนตรีข่าน ระบุว่าสถานการณ์ในกรุงลอนดอนอาจเกินควบคุม จากที่เจ้าหน้าที่จากหน่วยงานการแพทย์ฉุกเฉินของกรุงลอนดอน (London Ambulance Service) ต้องรับเคสฉุกเฉินราว 8,000 ครั้งต่อวัน พุ่งสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับช่วงเวลาที่มีการแจ้งเหตุฉุกเฉินมากที่สุดราว 5,500 ครั้งต่อวัน และผู้ป่วยโควิดที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่กรุงลอนดอนพุ่งสูงกว่าช่วงการระบาดหนักเมื่อฤดูใบไม้ผลิปีที่แล้ว
ประกาศภาวะสาธารณภัยครั้งสำคัญ (major incident) ในกรุงลอนดอนนั้น หมายถึง สถานการณ์ที่ส่งผลกระทบต่อระบบของชุมชนหรือสังคม และมีแนวโน้มจะก่อให้เกิดอันตราย สร้างความเสียหายแก่ชีวิตและทรัพย์สิน และทำให้ผู้คนในพื้นที่ตกอยู่ในความเสี่ยงด้านสังคม สิ่งแวดล้อม รวมทั้งความมั่นคงของประเทศ
นอกจากนี้ นายข่าน ยังได้ติดต่อนายกรัฐมนตรีบอริส จอห์นสัน ผู้นำอังกฤษ เพื่อขอความช่วยเหลือด้านการเงินให้กับชาวลอนดอน ที่ต้องกักตัวเองเพื่อสังเกตอาการโควิด-19 และไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และได้ขอให้ประชาชนในเมืองหลวงของอังกฤษอยู่กับบ้าน และสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้งที่ออกไปข้างนอก
สำหรับสถานการณ์ที่อังกฤษ ตามข้อมูลของมหาวิทยาลัยจอนส์ ฮอพกินส์เมื่อบ่ายวันศุกร์ มีผู้ติดเชื้อเกือบ 3 ล้านราย เสียชีวิตเกือบ 8 หมื่นราย
ขอบคุณข้อมูลส่วนหนึ่งจาก VOA ไทย