"หญิงหน่อย"จี้รัฐตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกแทนการล็อกดาวน์พื้นที่

2021-01-10 15:20:20

"หญิงหน่อย"จี้รัฐตรวจหาเชื้อโควิดเชิงรุกแทนการล็อกดาวน์พื้นที่

Advertisement

"คุณหญิงสุดารัตน์"ลุยพ่นยาแจกหน้ากาก​ เคหะบางเขน-หลักสี่​ จี้รัฐเร่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยความรวดเร็ว ครอบคลุม แทนการล็อกดาวน์พื้นที่

คณบดีศิริราชชี้โควิดรอบนี้หนักห่วงคนมีโรคประจำตัว

หนุ่มหนองบัวลำภูกลับจากสอบ ตร.กทม.ติดโควิด-19

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์​ เดินหน้าต่อเนื่องโครงการรวมพลังสู้ภัยโควิด ฉีดพ่นน้ำยาป้องกันการแพร่เชื้อโควิด-19 พร้อมแจกหน้ากากอนามัย แก่ชาวประชาชนในหลายพื้นที่​กรุงเทพมหานคร เริ่มจาก หมู่บ้านสหกรณ์เขตบึงกุ่ม ร่วมกับนายพลภูมิ วิภัติภูมิประเทศ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย  จากนั้นเดินทางต่อมายัง หมู่บ้าน​เอื้อ​อาทร​ ถนนคู้บอน​ เขต​บางเขน​ กทม. ซึ่งเป็นอาคาร​ 5​ ชั้น​ มี​ 83​ ตึกๆ​ 45​ ห้อง​ รวมประชากรประมาณ​ 4,000​ คน​ โดยมีนายอนุสรณ์​ ปั้นทอง​ ส.ส. กทม. พร้อมคณะทำงาน คอยประสานงานและดำเนินการ


จากนั้นทั้งคณะได้ฉีดพ่นน้ำยาป้องกันการแพร่เชื้อโควิด​-19 และแจกหน้ากากอนามัย​ ที่เคหะชุมชนหลักสี่ เขตหลักสี่​ กทม. โดยมีนายสุรชาติ เทียนทอง อดีตส.ส.กทม. พร้อมคณะทำงาน คอยประสานงานและลงพื้นที่ แจกอุปกรณ์ป้องกันตัวเอง พร้อมพูดคุยกับประชาชนพ่อค้าแม่ขาย ที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิค-19 ซึ่งพบว่าการค้าขายเป็นไปด้วยความยากลำบาก รายรับตกลงกว่าครึ่ง และต้องพบกับปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบ


คุณหญิงสุดารัตน์​  กล่าวแสดงความห่วงใยประชาชนในสถานการณ์การระบาดของโควิด-​19 ซึ่งรัฐบาล ยังไม่มีมาตรการที่ชัดเจนในการป้องกันและแก้ปัญหาการระบาดรอบใหม่ และยังใช้การทำงานด้วยระบบราชการ ซึ่งพบว่ามีการตั้งหน่วยงานคณะกรรมการที่ซ้ำซ้อน และยังมีปัญหาด้านการสื่อสาร ที่ไม่มีความชัดเจนทำให้ประชาชนสับสน ส่วนมาตรการที่จะล็อกดาวน์พื้นที่นั้น​ คุณหญิงสุดารัตน์เห็นว่า​ ไม่จำเป็นเท่ากับการล็อคดาวบุคคล โดยเฉพาะการเร่งตรวจหาเชื้อโควิด-19 เชิงรุกให้ประชาชนโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ด้วยความรวดเร็วและครอบคลุม




คุณหญิงสุดารัตน์​ ขอเป็นตัวแทนของคนตัวเล็ก ผู้ประกอบการรายย่อย พ่อค้าแม่ขาย และคนหาเช้ากินค่ำ สะท้อนปัญหาพร้อมนำเสนอแนวทางการดูแลประชาชน โดยเฉพาะในมิติทางเศรษฐกิจ ที่ต้องเร่งทำควบคู่ไปพร้อมกับการดูแลสุขภาพ คือ 1.)​ พักชำระหนี้ให้ประชาชน​ ที่มีหนี้สินครัวเรือนสูงขึ้น​ รายได้ลดลง โดยเฉพาะเกษตรกร​ และผู้ประกอบการรายย่อย 2.) เงินช่วยเหลือ ชดเชยรายได้ ที่รัฐควรจัดสรรให้ พ่อค้าแม่ค้า ผู้ประกอบการรายย่อย ต่างๆโดยเฉพาะกับ SMEs และ 3)​ เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ​ เพื่อให้ผู้ประกอบธุรกิจ​ ประคับประประคองตัวเองได้​ ซึ่งรัฐบาลมีเงินอยู่แล้ว​ จากการกู้รอบแรก รวมถึง เงินก้อนที่อยู่ในส่วนของ​ Soft Loan จากธนาคารแห่งประเทศไทย