"พิธา" เตือน "บิ๊กตู่"ควรมีภาวะผู้นำ

2021-01-20 11:25:08

"พิธา" เตือน "บิ๊กตู่"ควรมีภาวะผู้นำ

Advertisement

"พิธา" เตือนนายกฯควรมีภาวะผู้นำ กรณี "ธนาธร" วิจารณ์การบริหารจัดการวัคซีนโควิด-19  ลั่น ปชช.มีสิทธิ์ตั้งคำถาม  แต่ท่านกลับหัวร้อน กระฟัดกระเฟืยดไม่ตอบคำถาม

เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ที่รัฐสภา นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ถึง กรณีที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวการที่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า ออกมาไลฟ์สดวิพากษ์วิจารณ์การนำเข้าวัคซีนแอสตราเซเนกา ที่มีการเชื่อมโยงกับ บริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์ ระบุว่าเป็นการบิดเบือนข้อมูล ไม่มีข้อเท็จจริง และขอให้สื่อระมัดระวังการเสนอข่าว เรื่องไหนที่ไม่มีข้อเท็จจริงแล้วนำมาเผยแพร่โดยเฉพาะในสื่อโซเชียลมีเดียจะสั่งให้ดำเนินคดีทุกรายการ นั้น

"อัจฉริยะ"ปูด 2 ซิมฆ่า "น้องชมพู่" แลกตัดเหล็กไหล ได้เงินไปกว่า 10 ล้าน

"อัจฉริยะ"ชี้คน 2 ซิมฆ่า "น้องชมพู่"

นายพิธา กล่าวว่า ตนขอเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ มีวุฒิภาวะความเป็นผู้นำให้มาก ในสถานการณ์ที่ประชาชนต้องการความเชื่อมั่นจากรัฐบาล ตัวนายกรัฐมนตรีต้องมีภาวะความเป็นผู้นำที่มากกว่านี้ โดยย้ำว่า ประชาชนทุกคนไม่ว่าตนเอง หรือ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า มีสิทธิ์ตั้งคำถามถึงงบประมาณในการจัดหาวันซีนกว่า 4,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นภาษีของประชาชน และเป็นสิ่งที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจและสำคัญต่อชีวิตของพวกเขา หน้าที่ของคนเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อประชาชนมีคำถามก็แค่ทำหน้าที่แจ้งข้อเท็จจริงต่อสังคม

นายพิธา กล่าวด้วยว่า วัคซีนมีหลายรูปแบบ มาจากเทคโนโลยีที่แตกต่างกัน แต่ละยี่ห้อก็แตกต่างกัน ซึ่งหลักการสำคัญในการบริหารจัดการวัคซีนคือความโปร่งใส ประเมินความเสี่ยง และการกระจายความเสี่ยง ในขณะที่หลายประเทศกระจายความเสี่ยงโดยจัดหาวัคซีนจากหลากหลายบริษัท แต่ประเทศไทยเลือกที่จะผูกอนาคตไว้กับวัคซีน แอสตรเซนเนกา ไว้เกือบ 90 เปอร์เซนต์ โดยหลักการต้องมีการกระจายความเสี่ยงในสิ่งที่เรายังไม่รู้ ยังไม่มีความไม่แน่นอนอยู่เยอะ แต่ประเทศไทยเลือกที่จะผูดขาดอยู่ที่เจ้าเดียว ซึ่งถ้าจะเอาให้ครบทั้ง 50 เปอร์เซ็นต์ของประชากรก็จะใช้เงินถึง 1 หมื่นล้านบาท ประชาชนก็มีสิทธิ์ตั้งคำถามว่าวิสัยทัศน์ในการกระจายวัคซีนมีความเสี่ยงหรือไม่ หรือว่าไปผูกความเสี่ยงไว้กับเจ้าใดเจ้าหนึ่ง เทคโนโลยีใดเทคโนโลยีหนึ่ง ผู้ผลิตใดผู้ผลิตหนึ่ง ประชาชนเจ้าของภาษีก็มีสิทธิ์ตั้งคำถาม นายกรัฐมนตรีก็แค่ตอบ เรื่องก็จบ แต่ท่านกลับหัวร้อน กระฟัดกระเฟืยดและไม่ตอบคำถาม

"ต้องไม่ลืมว่า ถ้าเรารีบจัดการวิกฤตโควิดได้เร็วเท่าไหร่ เศรษฐกิจก็ฟื้นเร็วเท่านั้น ถ้าจัดการเรื่องวัคซีนยังไม่ชัดเจน เศรษฐกิจก็จะมีความเสียหาย 3-4 เดือนจากนี้จัดการไม่ได้จีดีพีคาดว่าจะติดลบ ดังนั้น อยากเรียนนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ว่าควรเอาเวลาไปจัดการความสิ้นหวังประชาชน จากการที่ล้วงกระเป๋าไปแล้วไม่เจอเงิน จากการที่ให้ไปซื้อมือถือขณะที่เงินเติมอินเตอร์เน็ตไม่มี ควรมาแก้ปัญหาการแพร่ระบาด อธิบายให้ได้ว่าการแพร่ระบาดระลอกนี้ต้นตอที่มาจากธุรกิจสีเทา บ่อน การบริหารแรงงานข้ามชาติที่ผิดพลาด ตรงนี้แหละที่จะสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนมากกว่าที่จะไปฟ้องประชาชน" นายพิธา กล่าว