“ไข่” นับเป็นแหล่งโปรตีนที่มีสารอาหารครบถ้วนมากมายหลายชนิด ประกอบไปด้วย ธาตุเหล็ก วิตามินบี โอเมก้า 3 และแร่ธาตุต่างๆ ที่จำเป็นต่อร่างกาย
นอกจากนี้ คุณประโยชน์ของไข่ยังเทียบได้พอๆ กับนม โดยมีคุณค่าทางสารอาหารสำคัญช่วยป้องกันโรคต่างๆ เช่น สารลูทีน (Lutein) และซีแซนทีน (Zeaxanthin) ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคจอประสาทตาเสื่อม โรคที่สามารถนำไปสู่การตาบอดในผู้สูงอายุ รวมถึง สารโคลีน (Choline) สารอาหารที่สำคัญและจำเป็นต่อคุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์ และคุณแม่ที่อยู่ระหว่างการให้นมบุตร พร้อมทั้งมีส่วนช่วยบำรุงสมอง เสริมความจำ และช่วยชะลอความชรา เรียกได้ว่า “ไข่” มีสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อคนเราในทุกช่วงชีวิต นับตั้งแต่อยู่ในวัยทารกจนถึงวัยชราเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม แม้ไข่จะประกอบด้วยสารอาหารทรงคุณค่าเพียงใด แต่ข้อหนึ่งที่ทำให้หลายคนไม่อาจรับประทานไข่ได้อย่างสบายใจก็เพราะไข่มีปริมาณคอเลสเตอรอลค่อนข้างสูงนั่นเอง แต่จากการศึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังคงมีความเห็นตรงกัน ว่าการรับประทานอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงนั้นอาจไม่ได้ส่งผลต่อการสะสมของคอเลสเตอรอลในเลือด หรือมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจมากอย่างที่เคยเชื่อกันมา หากแต่เป็นน้ำตาลและไขมันชนิดอิ่มตัว เช่น เนื้อติดมันทั้งหลาย น่าจะเป็นปัจจัยกระตุ้นให้ร่างกายผลิตคอเลสเตอรอลสะสมในร่างกาย รวมถึงการไม่ออกกำลังกายที่น่าจะเป็นตัวการเพิ่มโอกาสเสี่ยงเกิดโรคหัวใจหรือส่งผลต่อระดับคอเลสเตอรอลได้มากกว่า
คำแนะนำปริมาณการรับประทานไข่ที่ช่วยให้ร่างกายเราได้รับประโยชน์สูงสุด ส่วนใหญ่จะคล้ายคลึงกัน คือ ในเด็กวัยรุ่น วัยเรียน วัยทำงาน รวมถึงหญิงตั้งครรภ์และให้นมบุตร และผู้สูงอายุที่มีสุขภาพแข็งแรง สามารถรับประทานไข่ได้วันละ 1 ฟอง และทานได้ทุกวัน แต่ควรต้องคอยควบคุมปริมาณคอเลสเตอรอลที่ได้รับในอาหารชนิดอื่น ๆ
สำหรับเด็กเล็กที่ควรเริ่มให้ไข่แดงต้มสุกผสมข้าวบดในปริมาณน้อยๆ ตั้งแต่อายุ 6-7 เดือนสามารถผสมไข่แดงต้มสุกครึ่งฟองผสมกับข้าวบด และค่อยๆ เพิ่มขึ้นเป็นวันละ 1 ฟอง เมื่อเด็กอายุ 7 เดือนขึ้นไป ส่วนผู้ป่วยที่เป็น โรคหัวใจ เบาหวาน หรือผู้มีระดับคอเลสเตอรอลในเลือดสูงที่ควรเลือกรับประทานไข่ฟองเล็กหรือขนาดกลางซึ่งมีคอเลสเตอรอลน้อยกว่า และรับประทานไข่แดงไม่เกินสัปดาห์ละ 3 ฟอง ส่วนไข่ขาวนั้นไม่มีคอเลสเตอรอล สามารถรับประทานได้โดยไม่ต้องเป็นกังวล
ส่วนจะรับประทานไข่อย่างไรให้ได้ประโยชน์ และปลอดภัยต่อสุขภาพ แนะนำว่าให้กินไข่สุก เพราะร่างกายย่อยไข่ไม่สุกได้ยาก ไข่ที่ไม่สุก จะเสี่ยงต่อการปนเปื้อนของเชื้อจุลินทรีย์ที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพ และไข่ขาวดิบจะขัดขวางการดูดซึมวิตามินไบโอติน ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อกระบวนการเผาผลาญพลังงาน และทำให้ร่างกายรับประโยชน์จากสารอาหารที่ทานเข้าไปได้ไม่เต็มที่