"หมอนิธิพัฒน์" เผยวินาที "ผู้ว่าวีระศักดิ์" น้ำตาคลอ หลังรับรู้ รพ.สนาม พร้อมรองรับผู้ป่วยโควิด
ชาวเน็ตสวดยับเพื่อนร่วมก๊วน "ดีเจมะตูม"ไม่ยอมให้ข้อมูล
“แต้ว” โล่ง ! ตรวจโควิดรอบ 2 ผลเป็นลบไม่พบเชื้อ จนเจอแซววีรสตรีรอดโควิด
ระทึกกลางดึก! ด.ญ.2 ขวบ พลัดตกดาดฟ้าชั้น 2 บาดเจ็บขาหัก
"หนุมาน"บุกจู่โจม 55 จุดจับโกง"เราเที่ยวด้วยกัน"
เมื่อวันที่ 27 ม.ค. รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล โพสต์รูปภาพ พร้อมระบุข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ว่า อายุเป็นเพียงตัวเลข แต่ถ้ามันมากนัก กำลังกายและพลังสมองคงจะแปรผกผันและลดถอยไปตามกาลเวลา แม้ใจจะอ้างว่ายังสู้ก็ตาม ลืมเล่าไปเมื่อวานว่า คืนวานซืนหนึ่งวันก่อนที่จะมาทำหัตถการพิเศษทางระบบการหายใจให้พ่อเมืองสาคร ลูกสาวคนเล็กถามด้วยความห่วงใย (คนทำหรือหรือคนถูกทำหัตถการ) ว่า ปีนี้อายุก็จะครบห้ารอบเต็มแล้ว พ่อทำหัตถการนี้ด้วยตัวเองไปครั้งสุดท้ายเมื่อไร ตอบไปว่านานมากจนจำไม่ได้แล้ว แต่ยังกำกับการทำหัตถการนี้อย่างใกล้ชิดเพื่อฝึกฝนหมอปอดมาตลอด 30 ปีไม่เคยห่างเลยนะ อารามรีบร้อนจึงลืมถามไปว่าเขาคิดอย่างไรถึงถามออกมาเช่นนั้น เมื่อวานหลังได้บรีฟและทบทวนแผนงานก่อนเริ่มงาน ให้ทีมแพทย์ ทีมพยาบาล และทีมเจ้าหน้าที่ซึ่งจะเข้าช่วยทำหัตถการ หลังเล่าเรื่องที่ลูกสาวเอ่ยปากทักให้ฟังทุกคนสีหน้าราบเรียบยอมรับโดยดุษณี ไม่มีใครแสดงความเห็น การทำหัตถการเป็นไปโดยเรียบร้อย (คนทำคิดเอาเองคนเดียวนะ) คนช่วยใกล้ชิดดูตื่นเต้นและลนกันไปบ้างกว่าธรรมชาติที่เคยเป็น
หลังทำได้แจ้งผลผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดว่าเรียบร้อยดี มีเสียงนินทาจากลูกศิษย์คนสนิทมาเข้าหูคนสังขารร่วงโรย ทำนองว่าก่อนทำหัตถการทุกคนที่เกี่ยวข้องเห็นพ้องกับที่ลูกสาวคนเล็กทักมา แต่หลังทำไม่กล้าถาม ขอฝากรอยช้ำ (ใจ) นี้ไว้ก่อน รอประเมินผลการปฏิบัติงานรอบ 6 เดือนครั้งหน้าเถอะ ลูกน้องทั้งหลายรวมลูกสาวคนเล็กด้วย (เขาครบรอบประเมินก่อนตั้งงบค่าใช้จ่ายรายเดือนส่วนตัวให้ใหม่) รับรองมีลุ้นเหมือนบอลพรีเมียร์ลีก วันนี้ได้เข้าเยี่ยมพ่อเมืองสาคร ใกล้ชิดเป็นครั้งที่ 4 ต่างกันที่ครั้งนี้แต่งตัวป้องกันลดระดับลง เพราะท่านตรวจไม่พบเชื้อโควิดในปอดแล้ว และเป็นครั้งแรกที่เปิดโอกาสให้บุตรีคนโตท่านได้มองเห็นภาพการเยี่ยมจากห้องกระจกด้านนอกในระหว่างที่เข้าเยี่ยม ท่านนอนนิ่งโดยใช้เครื่องช่วยหายใจพร้อมยาทำให้สงบบนเตียงผู้ป่วย รับฟังการสนทนาฝ่ายเดียวเช่นครั้งก่อน เริ่มต้นจากการทักทายกันหลังห่างหายไปหลายวัน แล้วจึงเล่าเรื่องที่ได้ติดตามให้ข้อมูลกับภรรยาและบุตรีท่านมาตลอดพร้อมข้อห่วงใยที่สมาชิกครอบครัวทั้ง 5 สาวฝากมา
พร้อมกับแจ้งความคืบหน้าผลการตรวจรักษาของตัวท่านเองและแผนการดูแลรักษาต่อไป ปิดท้ายด้วยความคืบหน้าเรื่องโรงพยาบาลสนาม “ศูนย์ห่วงใยสาคร” ที่ท่านเป็นห่วงหนักหนาก่อนป่วยหนักครั้งนี้ ตอนนี้ขึ้นรูปได้กว่า 2,000 เตียงแล้ว ใช้งานไปแล้ว 1,500 เตียง และกำลังจัดสร้างให้ได้จนครบ 3,600 เตียง เพื่อให้เพียงพอกับผู้ป่วยหลักร้อยต่อวันจากการตรวจเชิงรุกในกลุ่มแรงงานข้ามชาติ ช่วงนี้เองที่เห็นคลื่นสมองที่มีเครื่องติดตามอยู่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม พร้อมน้ำตาเอ่อล้นที่หัวตาทั้งสองข้าง เสียดายว่าลืมแจ้งท่านถึงความห่วงใยที่หัวเรือใหญ่ของคณะรัฐมนตรีได้ฝากผ่านมาด้วย