"ทนายตั้ม" ยื่นเอกสารต่อศาล ถ้าตำรวจมีการขอออกหมายจับ "ลุงพล" ขอความเป็นธรรม ขอให้มีการไต่สวนก่อนแล้วจะนำพยานหลักฐานมาแสดง ขณะที่ "ลุงพล" ปิดวาจา
เมื่อวันที่ 5 ก.พ. นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ พร้อมด้วย นายไชย์พล วิภา หรือ ลุงพล นางสมพร หลาบโพธิ์ หรือป้าแต๋น ได้ยื่นเอกสารต่อศาล เพื่อขอความเมตตาจากศาล ถ้าตำรวจมีการขอออกหมายจับ โดยขอความเป็นธรรมต่อศาล ขอให้มีการไต่สวนก่อนแล้วจะนำพยานหลักฐานมาเสนอต่อศาล
"เชฟแต่ง"ยืนได้ ฝึกหายใจทางจมูกสำเร็จ
"การบินไทย" แจงแล้วปมดราม่า "ปาท่องโก๋" ไร้คนต่อแถว?
แกะลายมือจ่าหน้าซองจดหมายสำเร็จแล้ว
ทนายตั้ม กล่าวว่า มายื่นเอกสารเพื่อขอความเป็นธรรมต่อศาลถ้าหากตำรวจมีการออกหมายจับให้มีการไต่สวนก่อน โดยจะนำพยานหลักฐานมาเสนอต่อศาลด้วย เพราะว่าการออกหมายจับ สังคมส่วนใหญ่ก็คิดไปแล้วว่ากระทำความผิด จึงขอความเมตตาจากศาล ให้ดูว่ามีเหตุจูงใจอะไรหรือไม่ มีพยานหลักฐานอะไรที่พอจะมีมูลเกี่ยวกับตัวผู้ต้องสงสัย จากการที่ทางตำรวจให้สัมภาษณ์ หลายคนพุ่งเป้ามาตลอดว่าจะมีการออกหมายจับมาตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่า วันนี้มากับลุงพลแสดงว่ารับทำคดีแล้ว ทนายตั้ม ตอบว่า สามารถทำให้ได้เพราะตอนนี้ ลุงพลก็ยังไม่มีคดีอะไร เงื่อนไขยังอยู่เหมือนเดิม ผู้สื่อข่าวถามว่า แสดงว่ารับหรือไม่รับ ทนายตอบ อย่างที่บอกว่าต้องครอบคลุมเงื่อนไข 3 อย่าง คือ 1.คุยกับลุงพลแล้ว 2. ต้องไปดูที่เกิดเหตุ และ3.คุยกับพยานต่าง ๆ ผู้สื่อข่าวถามว่า ในวันนี้ต้องช่วยเหลือลุงพลไปก่อน ทนายตอบ ใช่แล้ว ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า อะไรที่ทำหใ้กังวลว่าหมายจับต้องเป็นลุงพล ทนายตั้ม ตอบว่า เป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่าผู้ต้องสงสัยคือใคร และตำรวจมุ่งเป้ามาทางใหน ท้ายที่สุดแม้จะไม่ใช่ลุงพล เรายื่นไว้ก็ไม่เสียหายอะไร
เมื่อถามว่า จะเป็นการร้อนตัวหรือไม่ ทนายตั้ม กล่าวว่า ไม่เกี่ยวกับการร้อนตัว เป็นการเตรียมการ ซึ่งเป็นสิทธิ์ที่เราจะทำได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า อะไรคือเหตุผลหลักฐานข้อมูลอะไรที่จะทำให้ศาลรับฟังข้อมูลตรงนี้ ทนายตั้ม ตอบว่า โดยปกติท่านรับอยู่แล้ว แต่ว่าท่านจะมีดุลยพินิจให้ไต่สวนหรือเปล่า อันนี้เป็นดุลยพินิจของศาล วันนี้ทำหนังสือถึงผู้พิพากษาหัวหน้าศาล ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คำร้องนี้จะส่งผลให้ตำรวจ มีการดำเนินการอย่างไร ทนายตอบว่า โดยปกติแล้ว ตำรวจมาขอหมายจับใคร จะมีคำให้การหรือหลักฐานบางส่วนมาให้ศาลเพียงฝ่ายเดียว ถ้าเป็นแบบี้ เราก็ไม่มีโอกาสยื่นพยานหลักฐาน เราจึงมายื่นขอศาลในวันนี้ ถ้าเกิดว่าศาลเห็นด้วยที่จะให้ความเป็นธรรมต่อลุงพล ศาลท่านก็จะมีการไต่สวน
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทำไมหลาย ๆ คดีไม่มีเขายื่นแบบนี้ เขาก็รอไปตามขั้นตอนไปสู้กันในศาล ทนายตั้ม ตอบว่า จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่คดีแรกที่ผมทำ มันมีคนอื่นเคยทำแบบนี้มาแล้ว เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นข่าวเท่านั้นเอง คือยื่นไว้ ท้ายที่สุดก็อยู่ในดุลยพินิจของศาล
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า ลุงพลจะพูดอะไรไหม ลุงพล ตอบว่า ทนายพูดไปหมดแล้ว ลุงพลปิดวาจา มีอะไรถามทนาย และยังคงยืนยันมาโดยตลอดว่า เราไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง สู้ไปตามหลักฐานต่าง ๆ
จากนั้นทนายตั้มได้นัดกับผู้สื่อข่าว ที่จะขึ้นเขาเหล็กไฟในวันพรุ่งนี้(6 ก.พ) เวลาประมาณ 06.00 น. ผู้สื่อข่าวถามว่า รู้สึกอย่างไรที่ลงมามีบุคคลปั่นปวน ทนายความตอบว่า เป็นธรรมดาทำคดีดัง มันต้องมีคนอยากมามีส่วนร่วมแล้วแต่ไม่สนใจ มันจะเกิดความยากลำบากในการทำงาน