ผบ.ตร.ยันมีวันอวสานคดี "น้องชมพู่" แน่นอน ย้ำขออุบรายละเอียด เหตุกำลังเร่งสอบสวนเพิ่ม
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่าใกล้ได้บทอวสานของการคลี่คลายคดีการอุ้มฆ่าน้องชมพู่ ที่บ้านกกกอก ต.กกตูม จ.มุกดาหาร เกี่ยวกับเรื่องนี้ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. ยืนยันว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีกำหนดว่าจะทำอะไรวันไหน แต่ไม่ได้แปลว่าไม่มี หากถึงวันที่ทุกคนรอคอย การชี้แจงเรื่องของตำรวจก็จะทำเท่าที่ทำได้ โดยอาจไม่ถูกใจพระเดชพระคุณท่าน แต่อะไรเล่าได้ก็จะเล่า แต่หากทำแล้วเสียหายก็เล่าไม่ได้ เพราะการจับกุมใครสักคนหนึ่ง หลักการคือต้องแจ้งข้อเท็จจริงว่าเขาทำผิดอย่างไร สิ่งที่แจ้งต่อตัวผู้ต้องหาอาจจะพิจารณาออกสื่อได้ว่าเรากล่าวหาเขายังไง แต่เหตุผลที่มาสนับสนุนการกระทำของผู้ก่อเหตุอาจบอกไม่ได้ทั้งหมด ส่วนจะเข้าข่ายการฆ่าโดยเจตนาหรือไม่นั้น การแจ้งข้อหาต้องมีการลงมติกันในรูปของคณะพนักงานสอบสวน ซึ่งตอนนี้มีหลายประเด็นที่เห็นว่าควรจะต้องเพิ่มเติมและมาพูดคุยกันอีกที ขอถามกลับว่าหากมีใครสักคนพาเด็กทั้งที่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่เอาขึ้นไปไว้ในจุดนั้น และสามารถเล็งเห็นว่าเสียชีวิตแน่ ท่านคิดว่าจะโดนข้อหาอะไร ซึ่งแต่ละคนมีความเห็นอย่างไรก็ได้ แต่ทางคณะพนักงานสอบสวนจะพิจารณาเองว่าจะแจ้งข้อหาใด จึงยังไม่พูดในตอนนี้ ขอให้มีคำตอบแบบเป็นทางการก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดความเสียหายต่อรูปคดี
เมื่อถามว่า นายไชย์พล วิภา หรือลุงพล และทนายความไปร้องศาลให้คุ้มครอง ถือว่าเป็นการร้อนตัวหรือไม่ ผบ.ตร. กล่าวว่า ปัจจุปันการสู้คดีจะสู้กัน 2 ทาง คือ สู้กันในศาล กับสู้กันในโลกโชเชียล ก็ต้องว่ากันไป แต่ตำรวจให้น้ำหนักกับการต่อสู้คดีในชั้นศาลมากกว่า เรามั่นใจจึงต้องทำ ส่วนเมื่อวานที่มีนักกฏหมายไปออกรายการทีวีแล้วพูดว่าไม่สนใจไมโทครอนเดีย ดีเอ็นเอ เพราะอาจเป็นของน้องชมพู่ นั้น พล.ต.อ.สุวัฒน์ กล่าวว่า คงต้องฟังรายละเอียดจากเขา ตนไมได้ฟัง แต่ได้อธิบายว่าไมโทครอนเดียเป็นดีเอ็นเอที่สกัดโดยวิธีที่แตกต่างจากนิวเคลียส โดยจะไประบุว่าเป็นของใครคงบอกไม่ได้แน่ชัด แต่บอกได้ว่าเป็นของญาติที่เป็นผู้หญิง ซึ่งหลักฐานทุกชิ้นสำคัญหมด เพราะต้องนำหลายอย่างมาประกอบกัน ไม่ได้ใช้หลักฐานชิ้นเดียว พร้อมย้ำว่ายังเหลือที่ต้องสอบเพิ่มอีกเล็กน้อย แต่ประเด็นที่สอบเพิ่มยังตอบไม่ได้ ซึ่งจะมีการสรุปกันอีกครั้งแต่ไม่กำหนดว่าเป็นวันใด