นายกฯประชุมบอร์ดบีโอไอ หนุนคนไทยและต่างประเทศลงทุนในไทยมากที่สุด หวังขยับ GDP เพิ่มสูงขึ้นโดยเร็ว
หมอเฉลยแล้ว "น้ำมะพร้าว" เพิ่มพลังเซ็กส์จริงหรือ?
“ซาร่า” เผยความในใจหลังปิดฉากรัก “เต้ย” รับยุติสัมพันธ์ 14 ปี เจ็บปวดมากทั้ง 2 ฝ่าย
เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ครั้งที่ 1/2564 โดยที่ประชุมมีการพิจารณาในประเด็นสำคัญ อาทิ การปรับปรุงการส่งเสริมการลงทุนอุตสาหกรรมดิจิทัล มาตรการส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) การส่งเสริมการลงทุนแก่เอกชนผู้ร่วมลงทุนโครงการศูนย์การขนส่งชายแดน จ.นครพนม เป็นต้น
นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า มาตรการของบีโอไอที่ผ่านสอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาล ในการปรับรูปแบบเศรษฐกิจของประเทศให้เข้าสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งต้องการเพิ่มการลงทุนในประเทศให้มากที่สุด ทั้งจากนักลงทุนไทยและต่างประเทศ เพื่อปรับ GDP สูงขึ้นโดยเร็ว แม้นว่า ปัจจุบันจะมีการปรับปรุงกฎระเบียบต่าง ๆ พอสมควร แต่ขอบีโอไอติดตามความก้าวหน้าของประเทศเพื่อนบ้านและประเทศอื่น ๆ มาประกอบในการกำหนดมาตรการส่งเสริมการลงทุน เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศด้านเศรษฐกิจด้วย เชื่อมั่นทุกคนว่าจะช่วยกันแก้ปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ไปได้เพื่อประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติต่อไป
พร้อมทั้ง นายกรัฐมนตรี ได้เสนอแนะให้ประสานความร่วมมือกับมหาวิทยาลัย สถาบันการศึกษา รวมทั้งดึง StartUp และ SMEs ของไทยที่มีความรู้ความสามารถและทำธุรกิจเรื่องของเทคโลยีดิจิทัลเข้ามาร่วมทำงานและพัฒนาทรัพยากรบุคคล เพื่อจะช่วยแก้ไขปัญหาการขาดแคลนทรัพยากรบุคคลและแรงงานที่มีทักษะสูงเรื่องเทคโนโลยีดิจิทัลของประเทศไทยอีกทางหนึ่ง
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้มีมติอนุมัติมาตรการส่งเสริมการลงทุนให้บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) หรือ ตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ (mai) เพื่อเป็นการพัฒนาศักยภาพและเพิ่มความสามารถในการเข้าถึงแหล่งเงินทุนของผู้ประกอบการไทย รวมถึงเสริมสร้างความเข้มแข็งของตลาดทุนและระบบเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม โดยจะได้รับสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่มเติมอีกร้อยละ 100 ของเงินลงทุน (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน) ทั้งนี้ โครงการลงทุนที่ได้รับการส่งเสริมจากบีโอไอไปแล้ว แม้จะมีรายได้แล้วก็ตาม สามารถขอรับสิทธิประโยชน์ตามมาตรการนี้ได้ แต่จะต้องมีสิทธิประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเหลืออยู่ทั้งระยะเวลาและวงเงินที่ได้รับยกเว้น อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ไม่รวมถึงบริษัทที่จดทะเบียนในตลาด SET หรือ mai อยู่แล้ว ก่อนวันที่มาตรการนี้มีผลใช้บังคับ โดยสามารถยื่นขอรับสิทธิประโยชน์ภายในวันทำการสุดท้ายของปี 2565