เกิดอุบัติเหตุรถยนต์เก๋งโดยสาร 10 ชีวิต กลับจากเล่นฟุตบอลกลางดึก ไม่ชินเส้นทาง ประกอบกับ ขับด้วยความเร็ว และถนนไม่มีไฟฟ้าส่องสว่าง แหกโค้งเสียหลักลงในคูน้ำข้างถนน เจ็บนับ 10 ราย กู้ชีพ-กู้ภัยเร่งช่วยเหลือ เผยโค้งดังกล่าวเกิดอุบัติเหตุบ่อยครั้ง
เมื่อเวลา 00.10 น.วันที่ 8 มี.ค.64 ศูนย์รับแจ้งเหตุและสั่งการนเรนทรตรัง ได้รับแจ้งเหตุ รถยนต์เก๋งเสียหลักลงข้างทาง มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก บริเวณหน้าโรงเรียนวัดนางประหลาด หมู่ 5 บ้านไสถั่ว ต.โคกสะบ้า อ.นาโยง จ.ตรัง ก่อนสั่งการให้ เจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิกุศลสถานตรัง ร่วมกับ หน่วยกู้ชีพ รพ.นาโยง ออกตรวจสอบที่เกิดเหตุและเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
ถึงที่เกิดเหตุ อยู่บริเวณคูน้ำข้างถนน พบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อมิตซูบิชิ รุ่นแอทราจ สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน ขง 1358 ภูเก็ต เสียหลักจอดอยู่ในคูน้ำ หัวรถชี้ฟ้า สภาพหัวรถและตัวข้างรถพังยับเยิน ถุงลมคู่หน้าทำงานทั้ง 2 ถุง พบมีผู้บาดเจ็บอยู่ภายในรถทั้งหมดจำนวน 10 ราย เป็นเพศชาย-หญิง อายุตั้งแต่ 13-25 ปี อยู่ในอาการบาดเจ็บรู้สึกตัวจำนวน 8 ราย อีก 2 รายไม่รู้สึกตัว เจ้าหน้าที่กู้ชีพ-กู้ภัย เร่งทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น ก่อนจะรีบทยอยนำส่งผู้บาดเจ็บทั้งหมด ส่ง รพ.นาโยง เป็นการเร่งด่วน เบื้องต้นทราบว่า ผู้บาดเจ็บทั้งหมดปลอดภัยดีทุกรายแล้ว
จากการสอบถามพยานเหตุการณ์ ระบุว่า รถดังกล่าวขับมาด้วยความเร็วสูง ก่อนจะแหกโค้งดังกล่าว จนเสียงดังสนั่น แต่ไม่ได้ยินเสียงเบรกรถก่อนจะได้ยินเสียงดัง ซึ่งเมื่อขับมาด้วยความเร็ว จะไม่สามารถเข้าโค้งดังกล่าวได้ รถจึงแหกโค้งเสียการทรงตัวและควบคุมไม่ได้
ขณะที่ นายอนุสร ชุมเจือ อายุ 53 ปี ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 10 ต.โคกสะบ้า เล่าว่า จากการสอบถามพยานในที่เกิดเหตุเบื้องต้นทราบว่า ผู้โดยสารและคนขับรถยนต์คันดังกล่าว เป็นทีมนักฟุตบอลเดินสายเล่น ได้เดินทางออกมาจาก บริเวณหลังตลาดชินตา (เขตเทศบาลนครตรัง) เพื่อที่จะมาแข่งฟุตบอลภายในสนามในพื้นที่ หลังจากมีการแข่งบอลเสร็จ และกำลังจะกลับไปยังตัว อ.เมืองตรัง โดยใช้เส้นทางดังกล่าว เมื่อมาก่อนถึงจุดเกิดเหตุ เพียงแค่ 20 เมตร ซึ่งเป็นทางโค้ง ผู้ขับขี่ได้ขับมาด้วยความเร็วสูง ทำให้เสียแหกโค้งเสียหลัก จนตกลงไปกระแทกเข้ากับคูน้ำข้างทาง เป็นเหตุให้ผู้โดยสารทั้งหมด 10 รายได้รับบาดเจ็บ
ถนนสายดังกล่าว รวมทั้งจุดเกิดเหตุ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นบ่อยครั้ง เนื่องจากมีโค้งค่อนข้างเยอะ รวมทั้งไฟฟ้าส่องสว่างไม่เพียงพอต่อการมองเห็นในขณะขับขี่ ทำให้ผู้ที่สัญจรไปมาจากพื้นที่รอบนอก ไม่ชินเส้นทาง และขับด้วยความเร็วทำให้แหกโค้งเป็นจำนวนมาก เช่นเดียวกับเหตุการณ์ในครั้งนี้.