"บิ๊กปั๊ด" สั่ง บช.สอท. ไล่ล่า "โจรออนไลน์" ส่ง SMS ลวงปล่อยเงินกู้ซ้ำเติมประชาชน
"อาจารย์ มธ.-มหิดล"วอนศาลขอประกัน"3 แกนนำ"
"อนุทิน"แจงเลื่อนฉีดวัคซีน "แอสตร้าเซนเนก้า" รอผลสอบ 2 สัปดาห์
"หมอยง"แจงผลข้างเคียงหลังฉีดวัคซีน "แอสตร้าเซนเนก้า"
พ.ต.อ.กฤษณะ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมา พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เล็งเห็นถึงปัญหาและอันตรายต่างๆ บนโลกออนไลน์ จึงกำชับให้ บช.สอท. ซึ่งมี พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง เป็นผู้บัญชาการ ให้เร่งดำเนินการป้องกัน ปราบปราม และจับกุมผู้กระทำความผิดบนโลกออกไลน์ให้ได้ รวมถึงให้สร้างการรับรู้ถึงพิษภัยต่างๆ บนโลกออนไลน์ พร้อมกับแนวทางการป้องกันให้ประชาชนได้รับทราบต่อไป ทั้งนี้ขอฝากเตือนไปยังประชาชนให้ระวัดระวังการกู้เงินในลักษณะดังกล่าว โดยควรตรวจสอบแหล่งที่มาให้ดีเสียก่อนว่าน่าเชื่อถือหรือไม่ ที่สำคัญ คือ ควรหลีกเลี่ยงการกดลิงก์ที่น่าสงสัยหรือไม่ทราบแหล่งที่มา อย่ากรอกข้อมูลส่วนตัวใดๆ ลงในลิงก์ หรือแอพพลิเคชัน เนื่องจากอาจจะเป็นช่องทางของกลุ่มมิจฉาชีพทำขึ้นเพื่อใช้ล้วงข้อมูลส่วนตัวก่อนนำไปหาประโยชน์ในทางมิชอบ ควรรายงานสแปม หรือกดบล็อกหมายเลขที่ส่งโฆษณาต้องสงสัยหรือ SMS ขยะ ทั้งนี้หากท่านหลงเชื่อถูกหลอกเเล้วให้รีบตั้งสติเเล้วดำเนินการเเจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเพื่อยับยั้งความเสียหายในทันที หรือหากมีความจำเป็น ควรเลือกกู้เงินกับสถาบันการเงินหรือธนาคารจะดีที่สุด
เมื่อวันที่ 12 มี.ค. พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษก ตร. ในฐานะโฆษกกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บช.สอท. กล่าวถึงกรณีที่มีการนำเสนอข่าวเตือนภัยเงินกู้ออนไลน์ โดยมิจฉาชีพจะส่งลิงก์ผ่าน SMS หลอกลวงว่าได้สิทธิ์กู้เงิน ก่อนหลอกลวงให้เหยื่อโอนเงินค่าค้ำประกันแล้วหลบหนีไป ว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการหลอกลวงที่มีมานานเเล้ว และเป็นการกระทำแบบเดิมๆ โดยเปลี่ยนเพียงแค่ชื่อแอพพลิเคชั่นแล้วกลับมาหลอกใหม่ วิธีการของมิจฉาชีพ คือ จะส่งลิงก์ที่เเนบไปกับข้อความแล้วหลอกลวงว่าท่านได้รับสิทธิประโยชน์ต่างๆ เช่น ได้รับเงิน ได้สิทธิกู้เงิน ได้ส่วนลดต่างๆ เมื่อเหยื่อลงเชื่อก็จะคลิกลิงก์เข้าไปกรอกข้อมูลส่วนตัว จากนั้นมิจฉาชีพก็จะติดต่อมาแล้วอ้างว่าการกู้เงินต้องมีเงินค้ำประกัน หรืออ้างว่าคนเยอะเป็นค่าลัดคิว หรือถ้าอยากได้เงินเร็วต้องโอนเงินมาเพิ่มอีก เมื่อมิจฉาชีพได้เงินเเล้วก็จะหลบหนีไป สำหรับการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายความผิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มาตรา 14(1) มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับและความผิดฐานฉ้อโกง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ