สาวใหญ่สระแก้วใจถึงเปิดหน้าบ้านรับทิ้งขยะรองเท้ามือสองเปิดโอกาสให้ชาวบ้านเข้ามาขุดคุ้ยเก็บขยะส่งขายเสริมรายได้ ขณะที่หนุ่มใหญ่เจ้าของร้ายขายส้มตำไก่ย่างในจังหวัดภูเก็ตเจอะพิษโควิด-19 ธุรกิจล้มละลายต้องผันตัวเองมาเก็บรองเท้ามือสองที่สุสานรองเท้มือสองของ จ.สระแก้วแทน สุดท้ายรายได้ดีสามารถเลี้ยงครอบครัวได้ในระดับหนึ่ง
ที่สุสานรองเท้ามือสองของชุมชน กม.5 ฝั่งซ้าย เทศบาลเมืองอรัญประเทศ อำเภออรัญประเทศ จ.สระแก้ว ซึ่งเป็นสถานที่ทิ้งรองเท้าและกระเป๋ามือสองของตลาดเดชไทย (ขายเฉพาะรองเท้ามือสอง) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับตลาดโรงเกลือ โดยพ่อค้าแม่ค้าชาวกัมพูชาในตลาดเดชไทยและตลาดโรงเกลือ ที่เปิดร้านขายรองเท้าและกระเป๋ามือสอง จะทำการคัดแยกกระเป๋าและรองเท้าก่อนนำมาวางขายที่บริเวณหน้าร้านและภายในร้าน กระเป๋าและรองเท้ามือสองที่ไม่มีสภาพดีพอที่จะนำมาวางขายได้ ก็จะถูกมาทิ้งในพื้นที่ของ นางสุพัตรา บุญเล็ก ที่เปิดพื้นที่ว่างเปล่าบริเวณหน้าบ้านของตัวเองซึ่งมีเนื้อที่ประมาณ 1 ไร่เศษให้เป็นที่ทิ้งขยะกระเป๋าและรองเท้ามือสอง โดยจะเรียกเก็บเงินค่าทิ้งขยะดังกล่าวเพียงกระสอบละ 5 บาทเท่านั้น
จากนั้นก็จะมีชาวบ้านทั้งคนไทยและคนกัมพูชาจำนวนมากเข้ามาทำการค้นหากระเป๋าและรองเท้ามือสองที่ยังใช้งานได้ เพื่อนำไปขาย โดยชาวบ้านดังกล่าวจะจ่ายเงินให้เจ้าของพื้นที่กระสอบละ 100 บาท สำหรับกระเป๋าและรองเท้ามือสองส่วนที่เหลือก็จะมีโรงงานผลิตกระแสไฟฟ้าในพื้นที่อำเภอเมืองสระแก้วมารับซื้อในราคา 1,000 บาท ต่อ 15-20 ตัน ซึ่งขณะนี้มีขยะกระเป๋าและรองเท้ากองอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวประมาณ 7,050 ตัน จึงมองดูเหมือนกับสุสานรองเท้า
ขณะเดียวกันนายสมชายกองจันดา กอบจินดา หนุ่มใหญ่เจ้าของร้ายขายส้มตำไก่ย่างใน จ.ภูเก็ต ซึ่งเดินทางมาเก็บรองเท้ามือสองด้วยบอกว่า ตนเองเจอะพิษโควิด-19 จนทำให้เลิกกิจการขายส้มตำ ขายบ้าน ขายรถยนต์ ที่ จ.ภูเก็ตทิ้งหมด เหลือเงินติดตัว 1,500 บาทมาเปิดร้านขายส้มตำไก่ย่างที่ จ.สระแก้วแทน แต่ก็ไปไม่รอดเพราะไม่คอยมีลูกค้ามาอุดหนุนทำให้ขาดทุนทุกๆวัน ตนจึงหันมาเก็บรองเท้ามือสองที่สุสานรองเท้าแห่งนี้แล้วนำไปทำความสะอาดและส่งขายให้กับพ่อค้าต่างจังหวัดในราคาคู่ละ 10 บาท ทำมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งโดยเฉลี่ยแล้วตนจะมีรายได้จากการเก็บรองเท้ามือสองขายประมาณวันละ 1,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นรายได้ที่ดีสำหรับสภาวะเศรษฐกิจเช่นนี้ ทำให้ครอบครับตนสามารถอยู่ได้ในระดับหนึ่ง