จากเด็กบ้านนอกสู่ตำนานศิลปินลูกทุ่งเพื่อชีวิต “บุ๋มบิ๋ม สามโทน” เปลือยประสบการณ์ความฮอตหนุ่ม-สาวรุมจีบ
"บุ๋มบิ๋ม สามโทน" ที่วันนี้จะมาเล่าชีวิตจากเด็กบ้านนอก จนกลายมาเป็นบิ๊กบอสในวงการบันเทิง พร้อมเล่าประสบการณ์สาวๆ รุมจีบไม่ซ้ำหน้า แต่ที่แซ่บกว่านั้นมีหนุ่มๆ ตามจีบด้วย โดยเจ้าตัวมาเปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow อย่างหมดเปลือก
ปกติเวลาอาออกทีวี ต้องไป 3 หนุ่ม มีทั้งอาธงชัย อาบุ๋มบิ๋ม อาถนอม ?
อาบุ๋มบิ๋ม : วันนี้เหงาเลย แต่มีหนูสองคน คือเราเกิดมาในวงการพร้อมๆ กัน 3 คน 3 โทน
ตอนนั้นมารวมกันได้ยังไง ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ตอนนั้นธงชัยเขาอยากจะร้องเพลง ผมทำงานอยู่ที่คีตา ธงชัยก็เขามาอยากเป็นนักร้องเหมือนพี่ๆ เขา ส่วนถนอมเป็นนักแต่งเพลงอิสระ เอาเพลงมาเสนอ ทีนี้ทางคีตาอยากจะทำวงดนตรีขึ้นมาสักวงที่เป็นชาวบ้านๆ เพลงเข้าถึงได้ ก็มี 3 คน ทีนี้ผมเป็นครีเอทีฟอยู่พี่เขามาชวนบอกจะร้องเพลงไหม 3 โทน ผมรีบตอบทันทีเลยไปครับ รออะไรมีโอกาสมา
จากครีเอทีฟมาเป็นนักร้องมันคนละด้านกันเลย ?
อาบุ๋มบิ๋ม : คือผมชอบร้องรำ ทำเพลงอยู่แล้ว พอโอกาสมาถึงเราไม่ปฏิเสธโอกาสนั้น แล้วก็ไม่ผิดหวังออกมาชุดแรกก็มีชื่อเสียงเลย
เขาเห็นแววอะไรของคุณอาที่แบบต้องเป็นคนนี้มารวมสมาชิกกัน ?
อาบุ๋มบิ๋ม : เวลาบริษัทเขาจัดไปเที่ยว หรือมีงานเลี้ยงกันผมก็จะร้องเพลง ร้องตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง เขาก็คงเห็นชอบร้องเพลง ไม่ได้ร้องเพราะอะไร แต่ว่าอึดและทน
พอมาออกเป็นวงสามโทน ชุดแรกก็เปรี้ยง เปลี่ยนแปลงไปยังไงบ้าง ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ชีวิตก็เปลี่ยน จากคนไม่รู้จัก เป็นคนรู้จักเยอะ รายได้มากขึ้น ชีวิตสนุกมากขึ้น มันดีไปหมดทุกอย่างเลย แล้วเราก็ชอบ
มีอยู่ช่วงนึงเดินสายเยอะมาก ไม่มีเวลาได้พักผ่อน จนมีจุดท้อของชีวิตเหมือนกัน ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ก็ไม่ได้ท้ออะไรมากมาย วันนึงเราก็วิ่งรอกไป 3-4 งาน เกรงใจคนรอมากกว่า คือแฟนเพลงเขารอเรา ซื้อบัตร ซื้อตั๋วคอยเรา บางทีเราวิ่งกว่าจะไปถึงเขาเกือบสว่าง เขายังรอเพื่อที่จะฟังเรา คือเราสนุกและเรารัก ถ้าเราทำทุกอย่างด้วยความรักมีนก็จะเพลินละ
ต่อให้สนุกหรือเพลินแค่ไหน ก็จะมีจุดจุดหนึ่งที่คุณอาเป็น Homesick (โฮมซิก) คิดถึงบ้าน ?
อาบุ๋มบิ๋ม : อันนั้นเวลาไปต่างประเทศ ถ้าเกิน 7 วันจะคิดถึงบ้านมากละ สภาพแวดล้อมมันไม่คุ้นเคย อาการก็คือไปรวมตัวอยู่ 3 คนแล้วก็นั่ง ไม่ต้องพูดกัน ดูเวลาเมื่อไหร่เราจะไปไหนต่อ ขอให้เห็นหน้ากันก็พอ นานสุดคือไปเดือนนึง การกินอาหารเราก็ไม่คุ้น คุยกับใครก็ไม่รู้เรื่อง ภาษาก็ไม่ได้เหมือนคนอื่นเขา
ช่วงนั้นไม่ได้ฮอตแค่งานอย่างเดียว สาวๆ หนุ่มๆ ก็รุมจีบ ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ตอนนั้นก็ประมาณนึง อาจจะน่ารัก น่าเอ็นดูมั้งครับ เขาเข้ามาแล้วชวนไปอยู่บ้าน คือผมก็ไม่ได้ปฏิเสธว่าไม่ให้จีบนะ เราจะรู้สึกดีกับเขา เพราะเขารู้สึกดีกับเรา แต่เราจะมีสองอย่างในใจเราเสมอ คือ 1.ต้องไม่ผิดกฎหมายนะ 2.ไม่ผิดศีลธรรมนะ ก็มีสองอย่างนี้ประคองไว้
ไปไหม ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ไม่ได้ไปครับ ไปก็ไม่ได้อยู่กับเขา ไปก็คุยกัน กินข้าวก็กลับ
แล้วคุณอาปฏิเสธยังไง ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ก็บอกเขาตรงๆ คุยกันแบบนี้ดีกว่า ถ้ามันเกินกว่านี้ ถึงขั้นมีเพศสัมพันธ์มันคงไม่ใช่ เราก็บอกตรงๆ อย่างนี้ การพูดจาตรงไปตรงมามันดีที่สุดแล้ว ส่วนผู้ชายเข้ามาเราก็จะรู้โดยสัญชาติญาณ เวลาเขามาจับต้องเรา เราก็จะรู้ เอ๊ะ เราเป็นเพื่อนกันดีกว่านะ ตอนนี้ผมขนลุกแล้ว ก็มีลูบๆ คลำๆ ถ้ามากกว่านี้เราจะลุกขึ้นไปที่อื่นแล้ว
คุณอาคิดว่าเพราะอะไรผู้ชายถึงเข้ามา ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ผมคงน่ารัก น่าเอ็นดูมั้งครับ หรือไม่ก็คงต้องใจอะไรเขาสักอย่าง แต่ผมไม่เคยรู้สึกรังเกียจสิ่งเหล่านี้นะครับ เพราะว่าเขารู้สึกดีกับเรา นั่นคือข้อดีแล้ว เราก็รู้สึกดีกับเขา นั่นคือโอเค อีกอย่างที่ผมคิดไว้ ถ้าเป็นเพื่อนการมันจะคบได้นานๆ
ตัวเราเองทำให้คนอื่นคิดว่าเราไม่แมนหรือเปล่า ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ผมไม่ได้คิดอย่างนั้นนะ ผมคิดแต่ว่าเราคงมีคุณสมบัติบางอย่างที่ทำให้เขารู้สึกดีเมื่ออยู่ใกล้เรา
ช่วงหลังมีไปขี่บิ๊กไบค์ ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ชอบขี่มอเตอร์ไซค์ครับ ก็ขี่มาตั้งแต่เด็กแล้ว ก็อยากได้มอเตอร์ไซค์ที่มันคันใหญ่บ้าง แต่ไม่มีโอกาส มันแพงไป มีข้อจำกัดพ่อแม่ห่วง แล้วอยู่มาวันนึงเราก็ตัดสินใจตอนอายุ 50 กว่านี่แหละ ขอภรรยา ขอลูก ปรึกษากันอยากขี่มอเตอร์ไซค์ เราก็ไปเรียนแล้วซื้อมาขี่ ก็ทำให้การเดินทางทุกวันนี้สะดวกขึ้น สนุกขึ้น ในกรุงเทพฯ ผมก็ใช้มอเตอร์ไซค์ไป
คุณอามาขอขี่ตอน 50 ปี ทำไมลูกกับภรรยาถึงยอม ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ตอนเช้าเราก็ขี่ไปซื้อโจ๊กให้เขาก่อน ตอนค่ำเราก็ขี่ไปซื้อราดหน้ามาให้กิน ให้คุ้นเคย เราก็ไม่ได้ขี่รวดเร็ว เราก็ขี่ตามกฎหมายทุกอย่าง เวลาอยู่บนมอเตอร์ไซค์เราต้องมีสติมากกว่าปกติ
เวลาเห็นคุณอาปุ๊บจะนึกถึงเรื่องปราบผี ผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องผี เพราะอะไร ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ด้วยบุคลิกหน้าตามั้งครับ หน้าตาคล้ายผีมั้งครับ
แล้วเคยเจอบ้างไหม เล่นละครอยู่ อ้าว...ใช่เลย ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ผีนะไม่รู้ว่าใช่เปล่า คือตอนเป็นเด็ก แม่ผมป่วย ตอนนั้นผมอยู่จังหวัดอุดร เมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว ตึกโรงพยาบาลก็จะเป็นห้องพัดลม ก็เป็นกึ่งไม้ กึ่งปูน แม่ผมป่วยก็ต้องนอนพักโรงพยาบาล ผมก็ไปเฝ้า อยู่กับแม่สองคน พักอยู่ห้องหัวมุมด้านบนของโรงพยาบาล คืนนั้นผมก็นอนเฝ้าแม่ปกติ พ่อก็กลับบ้านไปดูน้อง คืนนั้นประมาณสักตี2 คุณแม่เขาลุกจากเตียงแล้วก็มานอนที่เตียงเฝ้าไข้กับผม ผมก็ถามว่าทำไม แม่ก็บอกว่าเมื่อกี้เหมือนมีคนเข้ามาแล้วก็เขย่าตัวแม่แล้วก็เดินออกไป ลูกเห็นไหม ผมบอกไม่เห็นนะ พอผมพูดจบก็จะมีเสียงหมาหอน แล้วก็ลมพัด ห้องข้างบนนั้นก็เปิดหน้าต่างเพื่อให้ระบายอากาศ ผมก็เอ๊ะ เกิดอะไรขึ้น สักพักผมก็ได้ยินเสียงเดินอยู่ชั้นล่าง เดินอยู่สักพักมันไม่ไหว ผมอยากรู้ว่ามันคืออะไร แม่ผมก็นอน กลัวเริ่มสวดมนต์กันแล้ว แต่ก็ยังได้ยินเสียงเดินอยู่ ผมก็เลยลุกขึ้นไปชะโงกที่หน้าต่างว่าเสียงเดินนั้นคืออะไร เพราะเดินไป เดินมาหลายรอบแล้ว ผมก็ชะโงกไปดูไม่มี ผมไม่เห็นอะไรที่เคลื่อนไหว แต่ยังมีเสียงเดินอยู่แถวนั้น แต่พอมันไม่มีปุ๊บผมก็กลับมานอนกับแม่ แล้วเราสองแม่ลูกก็สวดมนต์กันใหญ่ เป็นอย่างนั้นอยู่ 2 ชั่วโมง ถึงตี4 เสียงก็จะหายไป พอเช้าผมกับแม่ไม่อยู่ห้องนั้น แล้วบอกให้พ่อมารับกลับบ้าน แม่ก็ยังไม่หายดี หิ้วน้ำเกลือไป แต่ผมไม่รู้ว่าคืออะไร
กลัวไหม ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ถามว่ากลัวไหมก็กลัว แต่พอไปชะโงกดูมันไม่มีอะไร แล้วเราจะกลัวอะไร ผมไม่รู้ว่าผีหรือเปล่า หรืออะไรหรือเปล่า ผมก็ไม่แน่ใจ อันนี้คือเรื่องหนึ่งที่ผมเจอ พอโตก็มีอีกครั้งนึงเรียนหนังสือ เรียนมหาลัยละ ก็เช่าห้องอยู่กับเพื่อน มันจะมีเตียงสองชั้น มันจะมีแอร์ตั้งพื้น ผมก็จะนอนอยู่หน้าแอร์ อยู่มาคืนนึงผมนอนอยู่ รุ่นน้องก็อยู่ ผมรู้สึกเหมือนผ้าห่มผมถูกกระชาก ผมตกใจแล้วบอกว่าอะไรเนี่ย น้องมันได้ยินเสียงผมร้อง มันก็ถามมีอะไรพี่ ผมบอกไม่มีอะไรละเมอ ผมก็ตัดสินใจคิดอยู่นานว่าจะดึงผ้าห่มกลับมาดีหรือไม่ดี ผมค่อยๆ ดึง มันก็เหมือนดึงกลับ ผมก็อ้าว ยังไงเนี่ย ผมตัดสินใจก้มลงไป แอร์มันก็จะมีช่องข้างล่าง พัดลมข้างหลังมันดึงผ้าห่มเข้าไป
หลายๆ คนไม่ทราบว่าอามีภรรยา มีลูกแล้ว ทำไมคุณอาไม่ค่อยเปิดเรื่องตรงนี้ ?
อาบุ๋มบิ๋ม : คือไม่ค่อยมีใครถามด้วยมั้งครับ แล้วอีกอันนึงภรรยาผมไม่ชอบออกสื่อ ก็เลยไม่ค่อยมีใครรู้ ด้วยสองสาเหตุนี้มั้ง แต่ผมก็ไม่ได้ปิดอะไรนะ
ตอนนี้คุณอามีลูกกี่คน ?
อาบุ๋มบิ๋ม : มีลูกชาย 1 คนครับ
เห็นบอกว่าภรรยาสวยมาก อายุห่างกัน 12 ปี ลูกชายอายุ 14 ปี ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ครับ ข้อมูลถูกต้อง
กว่าจะเจอความรักครั้งนี้นานมากๆ เลย ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ใช่ครับ ตอนนี้เราอยู่กันมา 20 กว่าปี คือเขามาจีบผมก่อนนะ พูดแล้วเขิน ก็ต้องตา ต้องใจกัน ผมเป็นคนที่ชวนเขามาอยู่ด้วย แล้วตัดสินใจมีลูกตอนผมอายุ 40 ปี
จีบกันยังไง ?
อาบุ๋มบิ๋ม : เขาเป็นพริตตี้ ตอนนั้นมีมอเตอร์โชว์ เจาทำงาน เขาก็ตลกดีเวลาเขายืนพูดกับรถ เราก็ไปดูเขา เขาก็ยืนพูดกับรถ พูดผิดบ้าง เขาจะเป็นคนพูดตลกของเขา เขารู้จักผมในญานะนักร้อง เขาชอบผม เราก็ตอดต่อกัน ผมก็ชอบเขา เขาตลก
บุ๋มบิ๋ม สามโทน ผู้ซึ่งไม่กลัวใคร แต่กลัวภรรยา ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ภรรยาใครไม่กลัว กลัวเขาไม่อยู่กับเรา กลัวเขาพาลูกหนีไป แล้วเราจะอยู่ยังไง อยู่คนเดียวก็ร้องไห้โฮสิครับ
อยู่บ้านลูกกลัวคุณอา คุณอาดุเหรอ ?
อาบุ๋มบิ๋ม : ลูกชายจะสนิทกับแม่ เขาจะคุยกับแม่ทุกเรื่อง ผมก็คุยบ้าง บางเรื่อง ตอนเขาเกิดมาผมจะรู้สึกว่าเขาเหมือนเอเลี่ยน ความผูกพันค่อยๆ เพิ่มมากขึ่น จนปัจจุบันเขาอยู่กับผมมา 14 ปี ผมรู้สึกว่าดีเหมือนกันที่มีเขา เพราะฉะนั้นการพูดคุยกับเขาไม่ค่อยพูดเยอะ