เปิดคำฟ้องละเอียดยิบ"เอกชัย"ขวางขบวนเสด็จ

2021-03-31 16:25:07

เปิดคำฟ้องละเอียดยิบ"เอกชัย"ขวางขบวนเสด็จ

Advertisement

เปิดคำฟ้อง"เอกชัย"พร้อมพวก ขวางขบวนเสด็จ ศาลนัดพร้อม 26 เม.ย. ตรวจพยานหลักฐานเพิ่ม

"ผบ.ทร."ตรวจเยี่ยมฝึกยุทธการ"สะเทินน้ำสะเทินบก"

ผู้ต้องหาส่งยาไอซ์หลบมุมอับ ผูกคอดับในห้องขัง คาดหนีความผิด

“ณวัฒน์” ยืนมื่อช่วยเหลือ ”ฮานเลย์” มิสแกรนด์เมียนมาเต็มที่

เมื่อวันที่ 31 มี.ค. จากกรณี สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.รัชดาภิเษก สั่งฟ้อง นายเอกชัย หงส์กังวาน, นายบุญเกื้อหนุน เป้าทอง หรือฟรานซิส นักเคลื่อนไหวทางการเมือง, นายสุรนาถ แป้นประเสริฐ หรือตัน ผู้ประสานงานเครือข่าย Active Youth, นายชนาธิป ชัยชะยางกูร และนายภาณุภัทร ไผ่เกาะ 5 ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาฐานประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินีฯ ตาม ป.อาญา ม.110, ข้อหามั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปให้เกิดความวุ่นวาย ม.215 และกีดขวางการจราจรกรณีชุมนุมใกล้ขบวนเสด็จพระราชินี เมื่อวันที่ 14 ต.ค.2563 จึงนำตัวไปยื่นฟ้องต่อศาลอาญา




สำหรับคำฟ้องคดีระบุพฤติการณ์สรุปได้ว่า กลุ่มคณะราษฎร 2563 ได้ชุมนุมที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ในวันที่ 14 ต.ค.2563 โดยเวลาประมาณ 14.30 น. กลุ่มผู้ชุมนุมเริ่มเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล ตลอดเส้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้ตั้งเครื่องกีดขวางหลายจุด ทำให้ผู้ชุมนุมบางส่วนซึ่งมีจำเลยที่ 1-5 รวมอยู่ด้วย ได้แยกตัวออกมาจากขบวนแล้วเดินล่วงหน้าไปรวมตัวกันที่ ถ.พิษณุโลก ใกล้ทำเนียบรัฐบาล เพื่อรอขบวน ขณะนั้นตลอดเส้นทาง ถ.พิษณุโลก ยังไม่ปิดการจราจรเนื่องจากยังต้องดำรงไว้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินตามหมายกำหนดการขบวนเสด็จของสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดาฯ พระบรมราชินี พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ จำเลยทั้ง 5 กับพวกจำนวนหลายร้อยคน ยืนบนพื้นผิวจราจร ถ.พิษณุโลก ช่วงตั้งแต่หน้าประตู 3 ทำเนียบรัฐบาล ไปจนถึงเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ ในลักษณะกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับอนุญาต เจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนได้จัดแถวคู่ขนานขบวนเสด็จพระราชดำเนินตลอดแนวขบวน เพื่อเป็นแนวสกัดกั้นกลุ่มผู้ชุมนุมไม่ให้เข้ามาประชิดใกล้ขบวนเสด็จ จากนั้นตำรวจแถวหน้าได้ขยับเดินไปข้างหน้านำขบวนเสด็จให้เคลื่อนที่ไปข้างหน้าตามรถนำขบวน 4 คันแรกดังกล่าวไปอย่างช้าๆ


ในทันใดนั้น จำเลยทั้ง 5 กับพวก ได้ร่วมกันเดินเข้าไปขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน โดยช่วยกันใช้กำลังผลักดันแถวแนวหน้าตำรวจควบคุมฝูงชนที่กำลังเคลื่อนเดินหน้านำขบวนเสด็จไปยังเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ เพื่อขัดขวางไม่ให้ขบวนเสด็จสามารถเคลื่อนผ่านขึ้นสะพานชมัยมรุเชฐ ไปยังแยกนางเลิ้งได้ โดยมีจำเลยที่ 1 เป็นผู้สั่งการนำ จำเลยที่ 2-5 กับพวกเดินเข้าไปขัดขวางเส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน โดยร่วมกันใช้กำลังผลักดันแถวหน้าตำรวจควบคุมฝูงชนไม่ให้นำขบวนเสด็จพระราชดำเนินเคลื่อนที่ขึ้นไปข้างหน้าได้ เมื่อจำเลยทั้ง 5 กับพวกไม่สามารถต้านทานแรงผลักดันของตำรวจควบคุมฝูงชนได้ จำเลยที่ 3 ได้สั่งการให้ผู้ชุมนุมนั่งลงบน ถ.พิษณุโลก ขัดขวางเส้นทางเสด็จ ทำให้ตำรวจควบคุมฝูงชนต้องหยุดรอตำรวจมาเสริมกำลังหน้าแถว ตำรวจได้ช่วยกันดึงและผลักดันพวกของจำเลยทั้ง 5 ที่นั่งขวางบน ถ.พิษณุโลก บริเวณเชิงสะพานชมัยมรุเชฐ จนจำเลยทั้ง 5 กับพวกไม่สามารถต้านทานแรงผลักดันได้ จึงยอมถอยออกไปจากเส้นทางขบวนเสด็จ แต่ยังคงยืนอยู่บนถนน ขณะที่ขบวนเสด็จกำลังเคลื่อนผ่าน จำเลยที่ 1, 4, 5 กับพวกได้ชูสามนิ้วใส่ขบวนเสด็จอีกด้วย อัยการขอให้ศาลลงโทษในความ ผิดฐานร่วมกันพยายามกระทำการประทุษร้ายต่อเสรีภาพของพระราชินี, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป กระทำการให้เกิดความวุ่นวายฯ โดยจำเลยที่ 1 และ 3 เป็นหัวหน้าหรือผู้สั่งการ, กีดขวางการจราจร และกีดขวางทางสาธารณะ ตาม ป.อาญา ม.110, 215, 385 และ พ.ร.บ.จราจรทางบก เหตุเกิดที่แขวงดุสิต เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร


มีรายงานว่า หลังจากพนักงานอัยการได้ยื่นฟ้อง นายเอกชัย, นายบุญเกื้อหนุน, นายสุรนาถ, นายชนาธิป และนายภาณุภัทร์ ซึ่งตกเป็นจำเลยที่ 1-5 ต่อศาลแล้ว ศาลรับฟ้องเป็นคดีหมายเลขดำ อ.778/2564 และสอบคำให้การจำเลยทั้งหมดแล้ว โดยจำเลยทั้งหมดแถลงให้การปฏิเสธและขอต่อสู้คดี ศาลจึงนัดพร้อมตรวจพยานหลักฐานทั้งสองฝ่ายในวันที่ 26 เม.ย.นี้ เวลา 9.00 น.