อึ้ง "ผกก.โจ้" จับรถเถื่อนนำส่งกรมศุลกากร 363 คันคาดฟันเงิน 550 ล้าน (มีคลิป)

2021-08-26 10:52:40

อึ้ง "ผกก.โจ้" จับรถเถื่อนนำส่งกรมศุลกากร  363 คันคาดฟันเงิน 550 ล้าน (มีคลิป)

Advertisement


อึ้ง "ผกก.โจ้" จับรถเถื่อนนำส่งกรมศุลกากรปี  2554-2555 จำนวน  363 คัน คาดฟันเงิน  550 ล้าน

เมื่อวันที่ 26 ส.ค. นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมศุลกากร ให้สัมภาษณ์ใน รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand หลังตรวจสอบข้อมูลการจับและรับรางวัลนำจับของผู้กำกับโจ้ พบ 2 ปี รับเงินเหนาะๆ ขั้นต่ำ 300 ล้านบาท ว่า  ได้ตรวจสอบข้อมูลเรื่องรถหรูที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล พบข้อมูลเบื้องต้นในระดับหนึ่ง โดยภาพรวมการตรวจสอบ พบสำนวนคดีจับกุมรถเถื่อน ที่มีชื่อ พ.ต.อ.ธิติสรรค์  เป็นเจ้าของสำนวน ย้อนหลังตั้งแต่ปี 2554-2555 จับกุมรถมา 368 คัน ประมูลออกไป 363 คัน คงค้างอยู่ 5 คัน เป็นรถทั่วไป ไม่ได้เจาะจงเป็นซูเปอร์คาร์

นายพชร กล่าวว่า มีการจับกุมนำส่ง ดำเนินคดี  ประมูลขาย โดยจะมีการแบ่งรายได้เป็นสินบน 30% รางวัลนำจับ 25% ตาม พ.ร.บ.กรมศุลกากรเก่า (2469) และหลังปี 2560 ที่บังคับใช้ พ.ร.บ.ศุลกากรใหม่ (2560) มีการกำหนดเพดานจ่ายสินบน 20% และรางวัลนำจับ 20% กำหนดไม่เกิน 5 ล้านบาทต่อคดี  โดยรถ 363 คัน ที่มีการจับกุมออกมานั้น กรมศุลกากร ตั้งราคาประมูลรวมไว้ที่ 516 ล้านบาท ปิดการประมูลที่ตัวเลขกว่า 1,000 ล้านบาท

ดังนั้นยอดสินบนและส่วนแบ่งที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์ จะได้ไปประมาณ 300 ล้านบาท และหากรวมรางวัลนำจับอีก 25% ประมาณ 250 ล้านบาท เงินทั้งหมดในช่วงปี 2554-2555 ที่ พ.ต.อ.ธิติสรรค์  จับกุมยึดรถเถื่อนนั้นคาดว่าจะอยู่ประมาณ 550 ล้านบาท 

ส่วนประเด็น พ.ต.อ.ธิติสรรค์  ครอบครองรถหรู มีชื่อ 10 กว่าคัน แต่มีที่มาที่ไปน่าสนใจ ตรงที่จำนวนรถ 29 คัน พบ 1 คันที่มีการประมูลจากกรมศุลกากร และเสียภาษีปกติ 2 คัน จากการตรวจสอบเพิ่มเติม พบว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ยังครอบครองรถอีก 13 คัน โดย 5 คันนำเข้าผ่านพิธีการศุลกากรปรกติ อีก 2 คัน มาจากการขายทอดตลาด ในปี 2555 และ 2558 มียี่ห้อปอร์เช่และเบนท์เล่ย์

อธิบดีกรมศุลกากร กล่าวถึงกระแสข่าวการถอดสมองกลอีซียูของซูเปอร์คาร์ออก แล้วนำมาประมูลโดยกลุ่มใช้รถหรูรายใหญ่นั้น เคยได้ยินมาแต่ไม่มีข้อเท็จจริง 

นายพชร เปิดเผยด้วยว่า หลังปี 2560 กรมศุลกากร ไม่มีการประมูลรถยนต์อีกต่อไป เพื่อตัดปัญหาเรื่องสินบนและเงินรางวัลนำจับ ส่วนรถของกลางก็นำมาทำลายไม่ได้เช่นกัน เพราะถือเป็นการทำลายทรัพย์สิน ขณะนี้กำลังเร่งหาทางออกร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ว่าจะทำอย่างไรกับของกลางเหล่านี้ เบื้องต้น มีแนวคิดว่าจะนำไปขายเป็นอะไหล่ เพราะไม่สามารถนำไปจดทะเบียนได้เป็นคัน แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป 

ขอบคุณรายการ  รายการเจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand