โบยบินเป็นนักแสดงอิสระ “ธีร์ วณิชนันทธาดา” เคลียร์ครหาไม่แมนจริงไหม
ผันตัวเป็นนักแสดงอิสระอีกคนแล้ว สำหรับหนุ่ม "ธีร์ วณิชนันทธาดา" โดยเจ้าตัวได้เปิดใจผ่านทางรายการ คุยแซ่บ show ถึงสาเหตุที่ไม่ต่อสัญญากับต้นสังกัดเดิม ทั้งที่อยู่มาถึง 13 ปี พร้อมเคลียร์ข่าวเมาท์ ไม่แมนจริงไหม ?
เพิ่งหมดสัญญากับช่องมากสี ตอนนี้เป็นอิสระหรือเซ็นกับที่อื่นแล้ว ?
ธีร์ : อิสระครับ ก็เซ็นกับช่อง7 มาประมาณ 13 ปี ตั้งแต่เข้าวงการเลยครับ หมดสัญญาไปเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ที่ผ่านมา
สาเหตุที่ไม่ต่อสัญญาเพราะอะไร ?
ธีร์ : มันไม่ใช่ไม่ต่อสัญญาซะทีเดียว มันเป็นการคุยกันระหว่างเรากับช่องมากกว่า ปีนี้เราอายุ 35 แล้วครับ เรารู้สึกว่าน่าจะถึงเวลาที่เราน่าจะออกไปหาประสบการณ์ข้างนอกบ้างในเรื่องของการทำงานด้านอื่นๆ ที่ไม่ใช่นักแสดง เราเล่นละครมา 13 ปี เรารู้สึกว่าเราอยากหาอะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองบ้าง อยากรู้ว่าตัวเองทำอะไรได้มากกว่านั้น ช่องก็เข้าใจแล้วบอกว่าจะป้อนละครให้เหมือนเดิม แต่ไม่ต้องเซ็นสัญญา เป็นการออกมาด้วยดี ซึ่งมันไม่ได้มีการรั้งอะไร เพราะอาจจะมีการร่วมงานกันในอนาคต การออกมาครั้งนี้เหมือนการออกมาลองทำอะไรใหม่ๆ แต่เมื่อมีละครที่เหมาะสมช่องบอกว่าจะเรียกใช้เราเหมือนเดิม
หลายคนมักจะมองคนที่ไม่ต่อสัญญา เห้ย...เนรคุณ หรือเปล่า เรามีความคิดเห็นยังไง ?
ธีร์ : ธีร์เซ็นสัญญามา 13 ปี แต่ความคิดที่เราอยากออกไปทำอย่างอื่น มันมีมาก่อนหน้านี้สัก 3 ปี ช่วงก่อนหน้านี้ที่นักแสดงเริ่มออกมาเป็นอิสระเยอะๆ ก็จะมีกระแสโดนด่าว่าเนรคุณ ไม่รู้จักบุญคุณทำไมถึงออกไปช่องอื่น มันก็ทำให้เราคิดมานิดนึงมันก็แบบจริงๆ เราพร้อมที่จะรับกระแสด้านนี้หรือยัง ก่อนที่จะเซ็นสัญญารอบล่าสุดก็มีความคิดว่าจะต่อดีหรือไม่ต่อดี แต่ด้วยโชคชะตา ช่องก็มีละครให้เราอีก 2 เรื่อง เรารู้สึกว่าในเมื่อมันมีเงินกองรอเราอยู่ข้างหน้า เราก็เล่นละครต่อไปแล้วกัน ต้องบอกว่าช่อง7 ใจดีกับเรามาก ตั้งแต่ทำงานมา 13 ปี ธีร์ไม่เคยมีเวลาว่างเกิน 1 อาทิตย์เลย
ณ ตอนสัญญาหมดมีละครมาจ่ออีกหลายเรื่อง ?
ธีร์ : ตอนสัญญาหมด จบเรื่องสุดท้ายพอดี ของช่องยังไม่มีเรื่องใหม่ แต่ว่ามีของค่ายอื่นติดต่อมา ด้วยความที่เรารู้สึกเกรงใจช่อง เป็นมารยาทส่วนนึงด้วย เรารู้สึกว่าอยากให้หมดสัญญาจริงๆ ก่อนแล้วเราค่อยไปเริ่มกับที่ใหม่
รับมือกับคำว่าไม่รักช่อง เนรคุณ ได้ยังไง ?
ธีร์ : ค่อยๆ ตะล่อมๆ ในไอจีมาเรื่อยๆ ตอนแรกๆ มีคนออกไป ก็มีคนบอกว่า หวังว่าพี่ธีร์จะไม่ออกนะคะ เพราะคงไม่เนรคุณช่อง มันจะมีเหมือนดักไว้ก่อนแล้ว เราก็อธิบายให้เขาเข้าใจว่าจริงๆ แล้วมันไม่ใช่การเนรคุณ ทุกคนมันต้องเติบโต เขาก็เข้าใจ พอหมดสัญญาก็ไม่มีคอมเมนต์นี้เลย
จริงไหมที่เตรียมตัวจะเป็นผู้จัด ?
ธีร์ : มีผู้ใหญ่ติดต่อมาว่าอยากให้เป็นผู้จัด แต่ว่าทั้งหมดมันยังอยู่ในกระบวนการที่คุยกันอยู่ เป็นอีกโปรเจกต์ที่อยากทำในอนาคต เพราะรู้สึกว่า 13 ปีในวงการของเรา รู้ว่านักแสดงชอบอะไร ไม่ชอบอะไร แล้วก็ผู้กำกับคนไหน ทีมงานคนไหน นักแสดงคนไหนที่เราอยากร่วมงานด้วย เรารู้สึกว่าถ้าเราทำผู้จัด เราน่าจะมีคอนเน็กชั่นในด้านนี้พอสมควรแล้วอีกอย่างผู้ใหญ่ที่จะมาทำด้วย เขาก็มีประสบการณ์ในเรื่องของวงการบันเทิงมากกว่าเรา เรามองว่ามันเป็นฟันเฟืองที่อยู่ด้วยกันแล้วน่าจะดี
13 ปีที่อยู่กับช่องมากสี มีเรื่องเดียวที่ได้เป็นพระเอก แล้วเป็นพระเอกคู่ ?
ธีร์ : ตอนที่เราเซ็นสัญญาครั้งแรก ก็มีการพูดคุยกันว่าเราจะเป็นตัวนำ เราก็โอเค แต่พอได้เล่นไปแล้ว เราก็มีความรู้สึกเอ๊ะในใจว่าเมื่อไหร่จะถึงเวลาของเราในช่วง 1-2 ปีแรก แต่พอเล่นไปสักพักเรารู้สึกว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรแล้วที่เราจะมาคิดแบบนี้ มันจะทำให้เราไม่มีความสุข เราก็มาคิดกับตัวเองว่าถ้าเรารู้สึกแบบนี้งานละครที่เหลือของเราจะเล่นได้ไม่เต็มที่ ในช่วงแรกที่เซ็นสัญญาช่องให้ละคร 5 เรื่องพร้อมกัน ถ่าย จันทร์-อาทิตย์ 9 เดือน โดยไม่ได้หยุดพักเลย
5 เรื่อง แต่สิ่งที่เรารอคอยคือบทพระเอกเด่นๆ ?
ธีร์ : ตอนแรกๆ เรารู้สึกว่าคงรอต่อไปมั้ง แต่พอมันไม่ได้เป็นอย่างที่เราหวัง เราก็รู้สึกว่าเราต้องมาโฟกัสกับบทที่เราได้รับแล้ว
น้อยใจไหม ที่เป็นพระเอกคู่ เป็นพระรอง ?
ธีร์ : ตอนแรกๆ ก็มีนอยด์ๆ อยู่บ้าง แต่ความรู้สึกนี้มันอยู่ไม่นาน ถ้ามองอีกแง่นึงคือ ไม่ใช่นักแสดงทุกคนที่ช่องจะให้ละครเยอะขนาดเรา เพราะว่าสิบกว่าปีที่ผ่านมา เราไม่เคยว่างเว้นจากละคร เราอยู่ไปสักพักเรามาคิดได้ว่าเราอาจจะเหมาะกับบทอื่นที่เขามองมากกว่าที่จะเป็นพระเอก ตอนหลังก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร
เห็นบอกว่าเกือบไม่ได้เล่นละครกับช่องมากสี เพราะเดิมทีต้องเซ็นกับอีกค่ายนึงคือ EXACT ?
ธีร์ : ก่อนเซ็นกับช่อง7 เราเล่นโฆษณา เล่นอะไรมาก่อน เหมือนมีการคุยกับช่องๆ นึง เขาจะเซ็นนักแสดงเจนใหม่ แล้วก็สนใจในตัวเรา แล้วเราก็เข้า-ออก บริษัทเขาอยู่เรื่อยๆ ผู้ใหญ่ท่านนึงเขาคงคิดว่ายังไงแล้วคุณเข้า-ออก บริษัทบ่อยขนาดนี้ คุณก็คงไม่ไปไหนอยู่แล้ว เขารู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องบอกหรอก ยังไงก็เซ็นอยู่แล้ว เขาก็เลยยังไม่พูดอะไร จนมีผู้จัดการคนนึง ที่เขามาขอดูแลเรา ตอนที่เรากำลังจะเซ็นว่าเขาขอมาดูแล แล้วจะส่งโปรไฟล์เรามาที่นี่ ถ้าที่นี่ไม่สนใจเกิน 2 อาทิตย์ เขาขออนุญาตพาไปช่อง7 นะ เพราะว่าน้องเพิ่งเรียนจบ น้องจะได้ไม่ต้องว่างงานนาน เขาบอกว่าเขาส่งโปรไฟล์ไปประมาณ 3 วัน เขาบอกว่าทางช่องนี้บอกไม่อยากได้เรา เพราะว่าหน้าเราไม่เหมาะกับเล่นละคร เหมาะกับเล่นหนังมากกว่า มันมีเอกลักษณ์เกินไป ซึ่งในตอนนั้นเราไม่เข้าใจคำนั้น เขาบอกว่า คือ เขายังไม่เอานั่นแหละ เราก็โอเคครับ เขาก็พาเข้าไปช่อง7 วันที่เราไปเราไม่คิดเลยว่าเราจะได้เป็นนักแสดงช่อง7 เพราะว่าจากที่เราได้ยินมาช่อง7 เป็นองค์กรที่ใหญ่มากๆ แล้วเป็นช่องที่มันเก่าแก่มาก แล้วตอนผู้จัดการถามว่าอยากเข้าช่องอะไร ช่อง7 ไม่ได้อยู่ในลิสต์ที่เราอยากเข้า ไม่ใช่ช่องไม่ดีนะครับ แต่เรารู้ว่าไทป์ของเขาไม่ใช่ไทป์เรา ต้องเป็นแบบเวียร์ พี่วี ทรงไทยๆคมเข้ม เราเซ็นไปตอนนั้นเพื่อนถามทำไมถึงเซ็นกับช่องนี้ แต่พอตอนไปเซ็นปุ๊บได้เจอผู้ใหญ่ช่องก็สัมภาษณ์เรา เขาบอกโอเคงั้นเซ็นเลยแล้วกัน โดยที่เราก็ไม่ได้เตรียมตัวไว้ว่าจะเซ็น แต่ตอนนั้นในเมื่อโอกาสมันอยู่ข้างหน้าเราแล้วแล้วมันก็เป็นองค์กรใหญ่ ก็ทำสิ อนาคตเรา คือตอนนั้นมันรู้สึกว่ามันง่ายกว่าที่คิดไว้ เราก็เซ็น แต่พอเซ็นเสร็จปุ๊บยังไม่ทันก้าวขาออกมาจากตึกเลยครับ อีกช่องโทรมาว่าทำไมถึงทำแบบนี้ เขาตั้งใจจะเซ็นกับเราอยู่แล้ว ทำไมถึงเซ็นกับช่องอื่น
แล้วที่ผู้จัดการเราบอก ?
ธีร์ : เขาคงมีความตั้งใจอยากให้เรามาช่องนี้มากกว่า อาจจะเป็นในเรื่องของผลประโยชน์ส่วนตัวหรืออะไรก็แล้วแต่
ตอนนั้นคิดว่าโดนหลอกไหม ?
ธีร์ : ตอนนั้นคิดว่าทำไมเขาพูดไม่ตรง แล้วก็เสียความรู้สึก แต่ว่าหลังจากนั้นไม่นาน พอเข้าช่องมาก็แบกย้ายกันไป
ณ ตอนนี้ถ้ามีโอกาสได้ร่วมงานกับ EXACT หรือทางช่อง วัน ยินดีไหม ?
ธีร์ : ยินดีครับ ฝากเนื้อ ฝากตัวด้วยนะครับ ยินดีร่วมงานกับทุกค่ายเลยครับ
มีข่าวเมาท์ว่าเราไม่แมน ?
ธีร์ : ไม่แปลกใจเลยครับ มันเป็นข่าวที่ธีร์มีอยู่ข่าวเดียวตั้งแต่เข้าวงการมา ธีร์มีความตั้งใจว่าจะไม่มีชื่อเสียงจากข่าวฉาว ธีร์มองว่าการที่มีข่าวว่าไม่แมน มันก็ไม่ใช่ข่าวไม่ดี มันคือเขาอาจจะสงสัยในรสนิยมเรา แต่ว่าไม่มีใครว่าเราได้ว่าเราเป็นคนไม่ดีหรือไม่มีวินัย ถ้าถามว่าธีร์รู้สึกยังไงกับข่าวนี้ ธีร์รู้สึกเฉยๆ มากครับ คือวงการนี้ถ้าย้อนไปเมื่อ 10 กว่าปีที่แล้วเรื่องมันจะมีไม่กี่เรื่อง มันจะมีแค่ คุณเป็นแฟนกับใคร, คุณชอบเพศเดียวกันหรือเปล่า, หรือถ้าเป็นแฟนกันกิ๊กกันนานยัง มันจะวนอยู่แค่นี้ พอได้ยินข่าวนี้แรกๆ ก็รู้สึกหงุดหงิดนิดนึง
ที่ผ่านมาน้องธีร์ไม่ได้ออกมาแก้ข่าวเลย ?
ธีร์ : จริงๆ ออกมาแก้ข่าวครับ แต่ข่าวแก้คนมักไม่ค่อยฟัง หรือเขาอยากเชื่อ สิ่งที่เขาอยากเชื่ออยู่อย่างนั้น
แต่คุณคือได้ไง หล่อ ดูสะอาด ตี๋ ดูคลีน รู้สึกยังไงบ้างที่เป็นไทป์ของ LGBT ?
ธีร์ : รู้สึกขอบคุณครับ ธีร์รู้สึกว่าคนทุกประเภทถ้าเขารู้สึกชอบใครคนนึงแปลว่าคนคนนั้นมีลักษณะที่ดีพอสมควร ไม่จำเป็นต้องจำแนกเพศอะไรทั้งนั้น แต่ทุกวันนี้เรามีคนที่เข้ามาหาเราทุกเพศ ทุกวัย เหมือนเราแก้ข่าวคนก็จะจำแต่แบบเดิม มันก็เลยทำให้คนที่เข้าหาเรามันจะเป็นทุกแบบเลย เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราเจอ เรารู้สึกว่าชีวิตเรามีสีสันดี เพราะว่าเราไม่เคยรังเกียจ หรือคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ไม่ดี
คนอื่นสงสัยไม่เป็นไร แล้วครอบครัวเราว่าไง ?
ธีร์ : โชคดีที่ธีร์อยู่ในครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ เพื่อนดี พี่ๆ น้องๆ รอบตัวดี ไม่เคยมีใครถามเรื่องข่าวเลยตั้งแต่เข้าวงการมา 13 ปี แล้วก็ข่าวไม่เคยมีผลกระทบต่อชีวิตเลย เพราะว่าทำงานอย่างเดียวเลย เลิกทำงานก็เล่นกีฬา ไปเที่ยวมันก็เลยทำให้เราโฟกัสกับเรื่องความรักน้อยมากๆ คนที่เขาจะมีแฟนได้ก็ต้องแบบไปทำกิจกรรมแล้วเจอกันโดยบังเอิญ แต่ของธีร์เช้ามาไปกอง เสร็จกลับบ้าน แล้วไปเล่นกีฬา ชีวิตมีอยู่แค่นี้จริงๆ แล้วถ้ามีเวลาว่างสัก 5 วันธีร์ก็จะไปดำน้ำ เดินเขา หรือไม่ก็ไปเมืองนอก เจอคนน้อยมาก บางคนถามอยู่ 13 ปีทำไมถึงไม่มีแฟนสักที มันต้องมีข่าวบ้างแหละ ถามว่าก่อนหน้านี้มีข่าวไหม มีครับ แต่คนที่ไม่เชื่อเขาก็เลือกที่จะไม่เชื่ออยู่เหมือนเดิม
น้องธีร์ซีเรียสกับข่าวนี้ขนาดไหน ?
ธีร์ : ไม่ซีเรียสเลยครับ ธีร์อยู่กับข่าวนี้มา 13 ปี ธีร์ไม่รู้สึกว่ามันเป็นข่าวไม่ดีอะไร เอาเป็นว่า ที่มองว่าธีร์เป็นหรือธีร์ไม่เป็น มันก็ส่งผลกับธีร์ในเรื่องของคนที่จะเข้ามาเหมือนกัน บางทีเขาคิดว่าธีร์เป็น เขาก็เอ็นดูธีร์มากขึ้น ธีร์ก็โอเคกับจุดนั้น ก็คิดไปเลย ยังไงเราก็ไม่ได้เจอกันในชีวิตจริงอยู่แล้ว
ในภาพรวมทั้งหมดสรุปแล้วเป็นเพศอะไรกันแน่ ?
ธีร์ : ก็ยังชอบผู้หญิงอยู่ครับ ตอนนี้มันเป็นยุคสมัย 2022 แล้ว พอเราบอกว่าเราชอบผู้หญิง จะเหมือนเราไปเหยียดอีกเพศนึงหรือเปล่าในความรู้สึกส่วนตัวนะครับ รู้สึกว่าการชอบเพศไหนมันไม่ได้ผิดเลยครับ แต่สมัยนี้มันเป็นเหมือนการยัดเหยียดสิ่งที่เขาต้องการอยากให้เราเป็นใส่เรามากไปหน่อย
มีสเปกไหม ?
ธีร์ : ชอบคนตลกครับ ตลกแบบธรรมชาติ แล้วก็ชอบคนสะอาด
แล้วทำไมถึงไม่เคยเปิดตัวแฟน เจ้าชู้หรือเปล่า ?
ธีร์ : จริงๆ ในความรู้สึกส่วนตัว ธีร์รู้สึกว่าความรักควรมีไว้กระซิบ ไม่ใช่มีไว้ตะโกน คือบางทีเรารักกัน เรารักกัน 2 คนแต่เลิกกันทำไมถึงต้องบอกให้คนทั้งโลกรู้ รู้สึกว่าเราคบใครก็แล้วแต่ ธีร์ไม่เคยปิดบังว่าเราคบกับเขา เราไปกินข้าวไปดูหนังกันปกติเลย แต่แค่เราไม่เคยเอาลงโซเชียล เพราะเราไม่รู้อนาคตว่ามันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าเราเลิกกัน คนที่เสียคือผู้หญิงนะครับ ไม่ใช่เรา เรารู้สึกว่าคบกันแบบเขาสบายตัว เราสบายตัวน่าจะดีที่สุด
ไม่ค่อยเปิดเผยแบบนี้แสดงว่าเปลี่ยนแฟนบ่อยหนือเปล่า ?
ธีร์ : เปลี่ยนแฟนไม่บ่อยครับ แต่คุยหลายคนตอนที่เราไม่มีใคร แล้วพอเขาเริ่มจะจริงจังเราก็ถอย เพราะว่าเรายังไม่พร้อมจริงจัง แต่ถ้าเราคบใคร เราก็จะพาเขาไปเจอสังคมของเรา ไปเจอคนรอบข้าง แต่แค่ไม่ลงโซเชียล แต่ถ้าเขาขอให้ลงก็แสดงว่าเขาไม่เข้าใจในอาชีพของเรา และเขาคงไม่ใช่คนที่เราตามหา
สถานะปัจจุบัน ?
ธีร์ : โสดครับ โสดมาน่าจะ 4-5 ปีได้แล้วครับ สมัยนี้มีอะไรให้ทำเยอะ บวกกับโควิด 2 ปี แทบจะไม่เจอใคร อีกอย่างเป็นคนชอบอยู่บ้าน ทำงานเสร็จกลับบ้าน โลกส่วนตัวสูงด้วยครับ
เห็นว่าตั้งเป้าไว้ว่าอาจจะไม่แต่งงาน ไม่มีลูกด้วย ?
ธีร์ : ใช่ครับ ในความคิดตอนนี้ เรารู้สึกว่าการแต่งงานมันคือกระดาษใบเดียว
ลักษณะเหมือนกลัวการผูกมัด ?
ธีร์ : ใช่ครับ เป็นคนกลัวว่าวันนึงเราไปทำให้คนคนนึง คือผู้หญิงแต่งงานเท่ากับเป็นม้าย ถ้าเลิก มันเหมือนไปทำให้ชีวิตเขาไม่ดี ตอนนี้เราไม่เคยคิดเรื่องแต่งงาน แล้วเราก็ไม่คิดจะมีลูก เพราะเราสงสารลูก ถ้าเกิดออกมาแล้วต้องเจอสังคมที่แบบโหดร้ายอย่างทุกวันนี้ ซึ่งมันก็เป็นความคิดตอนนี้ ในอีก 3 ปีข้างหน้ามันอาจจะเปลี่ยนก็ได้
ในไอจีมีคนไดเรกต์ไปเยอะมากๆ จีบเหรอ ?
ธีร์ : มีหลายประเภทเลยครับ เพราะบางทีเขาก็ไม่รู้ว่าเราชอบแบบไหน ก็จะมีมาหมดทุกแบบ ส่วนใหญ่ก็จะมีแบบชอบมาก อยากเจอ อยากกอด อยากจูบ แต่ตอนหลังพยายามไม่ลงรูปอะไรแบบวาบหวิว พยายามไม่ให้สื่อไปทางนั้น
เห็นว่าผู้หญิง ผู้ชาย มีส่งของลับมา ?
ธีร์ : ครับ เราเห็นทุกขนาด ทุกไซส์ทั้งของผู้ชาย ผู้หญิงเลยครับ ก็จะมีให้เห็นเรื่อยๆ อัพเดตรายวัน แต่ก็ไม่ได้มีเยอะเดือนนึงสักรอบ สองรอบ แต่ก็มีเคสแปลกๆ ปกติเราก็ไม่ค่อยตอบอยู่แล้ว แต่ที่เข้าไปอ่าน เพราะเขาบอกว่าติดต่องานหน่อย งานด่วน แต่เขาบอกว่าเป็นงานปาร์ตี้วันเกิดก่อนโควิด สนใจมาร้องเพลงในงานไหม เราก็เลยบอกว่าสนใจครับ รายละเอียดเป็นยังไง เขาบอกงานง่ายมากเลย เขาบอกมาร้องเพลง ชั่วโมงนึง เขาบอกร้องจริงๆ 2 เพลง ที่เหลือเอนเตอร์เทน เราก็บอกว่าปกติไม่ได้รับงานเอ็นนะครับ เขาบอกว่าสบายๆ เลย ร้องแค่ 2 เพลงแล้วถ่ายรูปกับเจ้าของงาน ที่เหลือก็อยู่ในงาน ดูเหมือนงานง่ายๆ ค่าตัวประมาณ 2 แสน แต่เขาบอกอยู่ทั้งคืน แต่งานจริงๆ คือชั่วโมงเดียวแต่ที่เหลืออยู่ฉลองวันเกิดกับเจ้าของงานอะไรอย่างนี้ แต่เขาบอกว่ารบกวนมาคนเดียวนะครับ เราก็เอ๊ะ..เราก็ถามทำไมต้องไปคนเดียว เขาก็ถามรับพิเศษไหม พิเศษคืออะไรครับ เขาบอกเหมือนอยากมีอะไรด้วย เราก็แบบมันคุยกันได้ง่ายๆ ขนาดนั้นเลยอ่อ
อันนี้ผู้หญิงหรือผู้ชาย ?
ธีร์ : ผู้ชายครับ ตอนเราอ่านก็ตกใจเหมือนกัน แล้วบอกว่าไม่ได้รับงานแนวนี้ครับ แล้วเขาบอกว่างั้นดูนี่ก่อนแล้วกันเขาส่งรูปปาเต๊ะมา เขาบอกว่าอย่างนี้ไหวไหม เราก็เลยบอกว่าขอโทษครับอันนี้มีแล้ว เราก็แกล้งเขา เขาก็บอกว่าทำไมเหรอ รุ่นนี้แพงไม่พอเหรอ งั้นอีกเรือนแล้วกัน เขาก็ส่งรูปบนข้อมือมา นี่ก็บอกว่าจริงๆ มันไม่ได้เกี่ยวหรอกว่ามันจำนวนเงินเท่าไหร่ เรารู้สึกว่าตอนนั้นมันคือการดูถูกเราแล้ว เราก็เลยบอกขอโทษครับไม่รับงานแนวนี้ เราจะกดบล็อกแล้วเขาก็เด้งขึ้นมาว่า คิดว่าดังมากเหรอ มันก็กลายเป็นเกรี้ยวกราดไปเลย เราก็บล็อกเขา
เห็นบอกสาวใหญ่ชวนไปเที่ยวเกาหลี เสนอตั้วเครื่องบินและเงินให้เที่ยว ?
ธีร์ : ใช่ครับ ธีร์เป็นคนเที่ยวต่างประเทศบ่อยมาก คนก็เลยคิดว่าเราทำทัวร์หรือเปล่า ก็จะมีบริษัททัวร์ติดต่อเข้ามา อันนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้น แบบสนใจงานไปเที่ยวเกาหลีไหม งบ 2 แสน เราก็บอกว่าต้องดูว่ากี่วัน แล้วเงื่อนไขการทำงานเป็นยังไง เพราะว่าหลังๆ เหมือนมีบริษัททัวร์ที่จ้างดาราไปนำทริป เขาก็บอกว่าไปเกาหลีวันที่เท่านี้ๆ งบเฉพาะที่เกาหลี 2 แสน ส่วนค่าตั๋วเดินทางเขาจัดการให้ เราก็บอกให้เขาลองส่งรายละเอียดมา ธีร์ถามเขาว่าในทัวร์มีลูกทัวร์กี่คน เขาบอกมีเขาคนเดียว เราก็เอ๊ะ...งานเที่ยวคนเดียว แล้วจ้างเราไป มันคือยังไง ธีร์ถามไปทำอะไร เขาบอกไม่ต้องทำอะไรเลย ไปเที่ยวกับพี่ แล้วไปเจอกันที่เกาหลีอย่างเดียวเป็นความลับ ห้ามบอกใคร ห้ามโพสต์ ห้ามลงโซเชียลทุกอย่างขอไปเงียบๆ ไปเจอกันที่ใต้โรงแรม เราก็แบบเดี๋ยวนี้มันง่ายขนาดนี้เลย มันง่ายดี แล้วก็เราบอกเขาไปแบบสุภาพว่าเราไม่ได้รับงานแนวนี้ ขอบคุณที่ชื่นชอบ แต่ว่าเสียดายเงินแทนเขา ลองจ้างคนที่เขาชอบดีกว่า
มีหลอนไปเลยไหม ?
ธีร์ : ไม่เคยหลอนเลยครับ ธีร์มองว่ามันตลกดี
รู้สึกยังไงที่เรามีเสน่ห์ดึงดูดเพศต่างๆ ให้มาจีบเรา ?
ธีร์ : รู้สึกขอบคุณที่ทุกคนยังชื่นชอบเรา มีความหลงใหลในตัวเราก็ขอบคุณมากๆ จริงๆ เรารู้สึกว่าเราธรรมดามากๆ เรื่องแบบนี้ทุกคนเจอได้อยู่แล้ว แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนที่มีโอกาสได้เจอ ก็สนุกดีครับ
เคยโดนแฟนคลับปล่อยเรื่องเสียๆ หายๆ ?
ธีร์ : เรื่องนี้เป็นเรื่องตั้งแต่เข้าวงการใหม่ๆ แล้วครับ เมื่อก่อนตอนเราเข้าวงการก็จะมีกลุ่มแฟนคลับที่ทำเว็บไซต์ให้ประมาณสัก 1 ปี เริ่มมีกลุ่มแฟนคลับมากขึ้น แล้วก็มีน้องคนนี้เป็นหนึ่งในแฟนคลับยุคเริ่มต้นของเรา เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเว็บขึ้นมา ช่วงนั้นก็จะมีแฟนมีตติ้ง แต่ไม่ถึวขนาดจัดงานใหญ่โต ซึ่งเรารู้สึกว่าเวลาเราไปมีตติ้งเราควรจะให้ความสนิทสนมกับแฟนคลับทุกคนเท่าๆ กัน หมายถึงว่าเขาอาจจะเพิ่งมา ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะทักเขาแค่คำเดียว เรารู้สึกว่าทุกคนน่าจะได้รับการดูแลที่เสมอกัน เราก็ไม่ได้คิดอะไร สนุกสนาน เฮฮาทั่วไป จนวันนึงเริ่มมีกระทู้ต่างๆ ว่าเราไปทำไม่ดี อย่างนู้น อย่างนี้ เช่นแบบ เห็นธีร์ไปเที่ยวกินเหล้า เมาเละเลยอยู่ที่นั่น ที่นี่ ซึ่งตอนนั้นธีร์ไม่เคยเที่ยวกลางคืนเลย เพื่อนยังบอกว่าตลกมากเลยมึงเขาบอกว่าไปเที่ยว ซึ่งเราไม่เคยไปสมัยก่อน ไปทำงานสาย คือเป็นกระทู้ด่าทุกอาทิตย์เลย แต่สิ่งที่เขาโพสต์มันมีความจริงอยู่ คือเราไปที่นั่นจริงๆ หรือเราทำงานนี้จริงๆ ทำไมคนนี้ถึงรู้ มันน่าจะเป็นรายละเอียดที่คนในนอดนึงที่น่าจะรู้ แล้วพอเราฟังเราก็คิดว่ามันดูมีมูลนะ เราไปอ่าน บางทีเรารู้สึกว่ารู้ดีกว่าตัวเราอีกนะ เราก็เลยเอา IP Address ไปสืบว่าคนนี้เป็นใคร เพราะมันน่ากลัว ทำไมรู้ความเป็นไปในแต่ละวันของเรา ก็ไปสืบจนรู้ว่าเป็นน้องคนนี้ เราก็ช็อกเหมือนกัน ต่อหน้าคุยกันดีมากเลย แต่ลับหลังด่าเราเละเลย เรารู้สึกว่ามันไม่ใช่แล้วการเป็นแฟนคลับมันว่าจะหมายถึงคนรักกัน มาอยู่ด้วยกัน แบบส่งเสริมกัน
เขาแค้นอะไรเรา ?
ธีร์ : ตอนแรกไม่เข้าใจเลย เราไม่มีอะไรในหัวเลยว่าทำไมเขาถึงไม่ชอบเรา จนเราพยายามติดต่อเขาไปขอเจอว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาก็บอกว่าเขาไม่เจอ ไม่ว่าง ก็ติดต่อตัวไม่ได้ จนเป็นเหมือนพรหมลิขิตเหมือนคนเราจะได้เจอ วันนั้นไปเดินห้างเดินผ่านร้านไอติม เจอเขานั่งกินไอติมอยู่ ซึ่งโอกาสเจอมันน้อยมาก เจอเขานั่งอยู่ แล้วนั่งคนเดียวพอดี ธีร์ก็ไปนั่งกับเขา เขาก็หน้าเหวอ เราก็บอกว่าทำทำไมครับ เขาบอกทำอะไรพี่ ผมไม่ได้ทำนะ ก็เลยบอกว่าถ้ายังไม่ยอมรับเดี๋ยวเจอกันที่ศาล เขาก็บอกผมเปล่า ผมไม่ได้ทำอะไร ก็เลยบอกไปว่าเชื่อสิ ทีมทนาย ทีมกฎหมายเขาหาได้ว่าใครทำตอนนี้ถ้าเราตกลงกันได้ มันจะไม่ต้องถึงขั้นขึ้นโรง ขึ้นศาล เขาก็เริ่มอึกอักๆ ก็เลยถามว่าพี่ไปทำอะไรให้น้องเกลียดเหรอ ถึงต้องทำกันขนาดนี้ เขาก็บอกว่าธีร์ไม่ให้เขาเป็นที่หนึ่ง เวลาไปถึงงานพี่ธีร์ควรจะมาทักทายเขาก่อน ก่อนที่จะทักทายคนอื่น หรือเวลาจะแท็กใครก็อยากให้มีเขาอยู่ในนั้นเป็นคนแรกๆ เราก็บอกว่าน้องต้องทำความเข้าใจก่อนเราอยู่ในฐานะแฟนคลับกัน ทุกคนมีความสำคัญเท่ากัน ทุกคนมาชอบพี่ พี่ก็ขอบคุณ แต่ว่าบางทีมันคิดมากไป มันจะทำให้น้องไม่มีความสุขในการที่จะใช้ชีวิตเอง พี่ไม่เข้าใจว่าอะไรมันทำให้เราเกลียดกันขนาดนั้น แต่พี่ขอให้น้องหยุดแล้วกัน เขาบอกเขาไม่หยุดจนกว่าเขาจะได้ในสิ่งที่เขาต้องการ
เรารู้สึกโกรธขนาดไหน ?
ธีร์ : ตอนนั้นคือโกรธมากเลย เกิดมาไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองต้องมาพูดอะไรแบบนี้เลย แต่พอคุยกับเขา แล้วเขาดูเหมือนจะไม่ยอม โอเคงั้นเจอกันที่ศาล ทางทีมทนายกับทีมกฎหมายพี่พร้อม เขาไม่พูดอะไร เราก็เลยเดินออกมา แต่หลังจากนั้นประมาณ 2-3 วันทุกกระทู้ลบหมด หลังจากนั้นเขาก็หายไปจากเราเลย
คลิปสัมภาษณ์ ธีร์