"กระติก" น้ำตาหลั่ง ตอบข้อครหาสารพัน "แซน" ฟาดฟัน เรื่องฉี่ทุกคนน่าจะรู้ดีไม่ต้องอธิบาย

2022-02-27 18:00:49

"กระติก" น้ำตาหลั่ง ตอบข้อครหาสารพัน "แซน" ฟาดฟัน เรื่องฉี่ทุกคนน่าจะรู้ดีไม่ต้องอธิบาย

Advertisement

เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนตอบปม "แตงโม นิดา" ตกน้ำ !! "กระติก" เสียงสั่นกัดฟันเคลียร์ทุกประเด็น ยัน ไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง "แซน" เกือบฮึบแตก ลั่น ไม่เคยปัสสาวะรีบๆ แบบใส่บอดี้สูทกันหรือ ?



ยันแตงโมปัสสาวะท้ายเรือจริง ก่อนเสียหลักพลัดตกเรือ ไม่มีการผลัก ทะเลาะกันบนเรือ “กระติก - แซน” เคลียร์ปม “แตงโม” พลัดตกเรือ วอนให้สังคมเข้าใจถ้าทำแบบนั้นก็เหมือนตนทุบหม้อข้าวตัวเอง เงินก็หายไปเหมือนกัน เผยแม้ใส่บอดี้สูทก็แหวกข้างฉี่ได้ โทษตัวเองที่ดูแลเพื่อนไม่ดี ฝั่ง “แซน” ยันตอนดาราสาวตกน้ำเหตุเกิดขึ้นเร็วมากคว้าไว้ไม่ทัน โวยกู้ภัยทำไมมาช้า พร้อมบอกมีหลักฐานไม่พูดลอยๆ ฟาดสื่อพี่ๆ ไม่เคยปัสสาวะแบบใส่บอดี้สูทหรือ ? 




ตามติดกันอย่างต่อเนื่อง สำหรับกรณี “แตงโม นิดา พัชรวีระพงษ์” พลัดตกเรือสปีดโบ๊ตจมในแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่คืนวันที่ 24 ก.พ. ก่อนต่อมาจะพบร่างลอยเหนือน้ำในวันที่ 26 ก.พ. ท่ามกลางกระแสคาใจของสังคมถึงสาเหตุการเสียชีวิตของนางเอกชื่อดัง ล่าสุดคนใกล้ชิดที่อยู่บนเรืออย่าง “กระติก อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์”ผู้จัดการส่วนตัว และ “แซน วิศาพัช มโนมัยรัตน์”ที่เห็นเหตุการณ์แตงโมตกเรือ ได้เข้าให้ปากคำเพิ่มเติมที่สภ.เมืองนนทบุรี ในวันนี้ (27 ก.พ.) เบื้องต้นทั้งคู่ยืนยันตรงกันว่าแตงโม ปวดเบาจึงไปปัสสาวะที่ท้ายเรือ ตลอดการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน กระติกก็ร่ำไห้เป็นระยะๆ ลั่นไม่มีใครอยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ ไม่มีเรืองการผลัก ทำร้ายบนเรือ เพราะตนก็คงไม่ทุบหม้อข้าวตัวเอง






กระติก: "เริ่มต้นเลยคือปอเจ้าของเรือ เป็นเพื่อนกระติกมานานแล้ว เขาชวนว่ามาเจอกันหน่อย อยากเจอเพื่อนเก่า ด้วยความที่โอเค ได้ๆ เราคุยกันมาเรื่อยๆ ก็อยากเจอเพื่อนเก่า ก็เลยไปคุยกับเพื่อนที่รู้จัก หนึ่งในนั้นมีโม แซนมาทีหลัง แซนเป็นตัวสำรอง ตอนแรกมีโม แข น้องโหน่ง กระติก สี่คน ซึ่งคุณแขเขาติดงาน กลับจากเชียงใหม่ไม่ทัน ก่อนไปลงเรือวันนึงเขาแจ้งว่าไม่น่าทัน เราก็ชวนคนนี้แทน ปุ๊บปั๊บมาก เราก็ถามเขาว่าว่างไหม เพราะคนน้อยจะไม่สนุก เพราะจะมีการถ่ายรูป นัดกันใส่ชุด นั่นคือจุดเริ่มต้น ... พอถึงวันก็ประมาณ 4 โมง ติกก็ไปแต่งตัวแต่งหน้าที่บ้านโม ...

... ระหว่างนั้นมีการแจ้งกันว่าปอมีเรือไปลงกันไหม ทุกคนก็เซย์เยส วันนั้นเราไปเลต ไปถึงสัก พอไปถึงคุณปอก็ขี้เกียจรอเราแล้ว เขาบอกเอาเรือไปเติมน้ำมันก่อน ก็ออกไปรอบแรก เราไปเจอเพื่อนปออีก 2 คน แต่ปอเขาแจ้งก่อนว่าเอาเพื่อนไปสองคนนะ เราก็เข้าใจ ไม่งั้นเขาจะเป็นผู้ชายคนเดียวท่ามกลางพวกเราที่มีแต่สาวๆ แต่โหน่งมาไม่ทัน เขาติดถ่ายงาน เขากลัวไม่ทัน เขาก็ให้ออกกันไปก่อนเลย จาก 4 เหลือ 3 เมย์มาไม่ถึงก็เป็นสอง ที่ไปเติมน้ำมันรอบแรก แล้วก็กลับมารับ ล่องเรือไปเรื่อยๆ ถึงร้านอาหาร แซนมาถึงตอน 5 โมงได้ ไปถึงร้านอาหาร 6 โมงครึ่งได้ กำลังจะมืดแล้ว ก็ไปทานข้าว 8-9 อย่าง ทุกคนไปเข้าห้องน้ำ เพราะระยะทางไม่ได้สั้นๆ วางแผนกันเข้าห้องน้ำ เพราะบนเรือเราไม่เห็นห้องน้ำ ทุกคนไป ยกเว้นโม โมบอกว่าไม่ปวด เห็นเขานั่งสาละวนกับการเล่นโทรศัพท์ เราก็ไม่ได้คะยั้นคะยอเพื่อน พอลงเรือกันไป ก็มีแวะถ่ายรูป ระหว่างทางก็มีบอกว่าตรงนี้คืออะไร ปอเป็นคนบอก ออกจากร้านอาหารสองทุ่ม จำเวลาไม่ได้เป๊ะมาก เรามีการหยุดเรือถ่ายรูปด้วย ก็จะกินเวลา ทุกคนถ่ายรูปจะรู้ดีถ้าเรือโคลงจะถ่ายรูปไม่ได้ ก็มีการหยุดถ่ายใหม่ก็กินเวลา ...



... ตอนโมไปปัสสาวะท้ายเรือ เราไม่รู้ ไม่เห็น เพราะตอนนั้นเราเหนื่อยแล้ว เราอยากชิลกับบรรยากาศ นั่นเป็นช่วงขากลับ ออกจากสะพานพระราม 8 กำลังจะเข้าอู่เรือแล้ว เหตุเกิดตอนนั้น แล้วพอหลังจากนั้นเราได้ยินเขาบอกปวดฉี่ เราก็ว่าเพื่อน ทำไมก่อนหน้านี้ไม่ฉี่ เขาก็บอกว่าก็เขาไม่ปวด (ร้องไห้) เขาก็ไม่ได้แสดงอาการว่าไม่ไหว ไม่ได้บอกเรา เราก็ไม่ได้สนใจ เราสนใจแต่วิวแล้ว เพราะเราเสียเวลากับการถ่ายรูปเยอะ ตอนนั้นไม่ได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศ เพราะวันนั้นอากาศดีมาก ฟ้าใส เรามองข้างทาง ได้ยินเสียงอีกที ทางนี้ก็ตะโกนแล้ว เพราะเรือไปข้างหน้า ไม่มีใครหันหลังเพราะผมมันจะตีมาก เราไม่สนเลย แต่แซนนั่งอยู่ท้ายเรืออยู่แล้ว เล่นโทรศัพท์ โมเดินไป หลังจากนั้นติกไม่เห็นแม้แต่ตอนที่โมเดินไป สุดท้ายที่เราคุยกันปกติจะอยู่ข้างหน้า หลังจากนั้นแยกย้ายไปชมบรรยากาศ เราไม่รู้แล้วว่าโมหันหลังไป



... ติกได้ยินแซนตะโกนบอกว่าโมตกเรือ แล้วได้ยินจ๊อบตะโกนต่อ คุณปอก็ไปเทคพวงมาลัยหมุนกลับ ก็เป็นกระบวนการตามหา นี่คือมุมที่ติกเห็น หลังจากนั้นก็เป็นแซน"



แซน: "ลักษณะการตกคือพลิกด้านข้างลง (เขาไปปัสสาวะด้านหลัง ?) ใช่ค่ะ เขาเกาะขาเราสองข้างแล้วหันหลังออกท้ายเรือ หันหน้าชนกัน แซนนอนเล่นมือถืออยู่ ตอนนั้นมีการดื่มนิดหน่อย แต่โมเมาไหมไม่ทราบ คือเขาเดินมาไม่ได้บอก แต่นั่งลงไปเลย ทุกอย่างมันเร็วมาก คือไม่สามารถที่จะบอกว่าแป๊บหนึ่งหรืออะไรได้เลย (ชุดบอดี้สูทถอดได้เหรอ ?) พี่ๆ ไม่เคยเหรอคะ (หัวเราะ) ไม่เคยต้องปัสสาวะแบบรีบๆ ในชุดบอดี้สูทเหรอคะ ถ้าเคยก็คงจะทราบว่าทำยังไงอธิบายไปมันก็ไม่สุภาพเท่าไหร่"



กระติก: "เท่าที่ติกเห็น ตอนแรกเขาขึ้นเรือมา เป็นโจ๊กระหว่างเรากับโม เขาใส่ผ้าอนามัยด้วย บอกว่าเห็นไหม ซึ่งลักษณะการปัสสาวะคนใส่บอดี้สูทในเวลารีบๆ เราไม่ได้ถอดนะคะ เราแหวกข้าง นี่คือประสบการณ์ที่ติกทำ แต่ติกไม่รู้ว่าโมทำแบบนี้หรือเปล่า แต่มันทำได้ แล้วการที่อยู่บนเรือ มีผู้ชายอยู่ด้วย มันโล่งแจ้งก็คงไม่มีใครถอด แล้วเสื้อโค้ชก็ใส่ผ้าพันก็ใส่ ซึ่งถ้าเป็นติก ติกจะเลือกแหวกข้าง ซึ่งเคยทำมาแล้ว และสะดวกที่สุด เขาใส่เสื้อโค้ชเพราะมันเริ่มหนาวแล้ว มีเหมือนเข็มขัดก็ผูกซ้ำเข้าไป เราใส่ๆ ถอดๆ ตลอดเวลา เพราะใส่แล้วมันไม่สวย แต่พอหนาวก็ใส่เอาไว้ ภาพสุดท้ายที่เห็นคือนางใส่เพราะเย็นแล้ว"



กระติก : "เขาไม่ได้บอกจะฉี่ ให้หยุดเรือหน่อย ทุกคนยืนมองข้างหน้า มารู้จากแซนว่าเขาไปฉี่ คนจะฉี่ใครมาจะประกาศ เพราะมีผู้ชายอยู่ด้วย แซนเล่าว่ามาถึงโมก็นั่งเลย เร็วเหมือนที่เขาบอก ติกนึกภาพตาม ความเป็นไปได้มันมี ติกเชื่อตรงนี้ ประเด็นอื่นติกไม่ทราบ เพราเราไม่เห็นตอนเพื่อนตกลงไปภาพที่ติกเห็นเลยคือพี่เบิร์ตยืนอยู่ตรงพวงมาลัย ปอก็ไปเทคพวงมาลัยเพื่อหัน ทุกครั้งที่พี่เบิร์ตอยู่ที่พวงมาลัย จะมีพี่ปอเป็นโค้ช เหมือนเขาสอนกันมา แต่ติกไม่ได้สนใจตรงนั้น"

กระติก : “ปอเป็นเพื่อนกับทุกคน ติก แซน สนิท ติกคัดมาแล้ว ว่าต้องสนิท ไม่งั้นขี้เกียจแนะนำ ดูแล มันภาระเรา จ๊อบกับเบิร์ตเพิ่งรู้จักวันนั้น เขาเป็นเพื่อนคุณปอ ติกก็โอเค เข้าใจพ้อยท์ ไม่งั้นมีแค่เขาคนเดียว แล้วจะคุยอะไรกับเรา เราเป็นผู้หญิง ทุกคนก็ไม่ติดว่าปอมีเพื่อนไปด้วย ก็ทำความรู้จัก แนะนำตัว แต่เราคุยกับปอมากกว่า ติกคุยกับพี่เบิร์ตเรื่องธุรกิจ ทำโน่นทำนี่มากกว่า แต่ส่วนใหญ่ ติก ปอ โม แซน จะคุยกันเยอะเพราะมีเรื่องคุยกันมาก ปอเป็นเจ้าของเรือ ปอชวนติกคนเดียว แล้วให้ชวนเพื่อนเก่าๆ ติกก็บอกว่าติกรวมพลได้แล้วนะ แล้วมันโควิด เราไม่ชวนคนแปลกหน้า มีการตรวจATK ให้กัน เราก็หลอนเหมือนกัน จริงๆ เรา น้อยโหน่งจะนัดกันอยู่แล้ว แต่พอมีปอเข้ามาก็เลยไปกับปอ เพราะเขามีเรือ เราจะได้ภาพ แล้วโมเป็นดารา เขาก็สนใจอยู่แล้ว”





“ไม่มีเรื่องงานอะไรเลย ขอโทษทุกคนที่ไม่ได้ออกมาพูด สภาพจิตใจเรามัวอยู่กับเพื่อน เราก็งงๆ ว่าเราจะนั่งฟูมฟามให้เพื่อนเราหายไปให้ได้อะไร (ร้องไห้) เพราะทุกคนมาถามเรา คนอื่นเสียเพื่อนไป เขาได้นั่งร้องไห้ คิดถึงเพื่อน (ร้องไห้) แต่ติกต้องมนั่งเตรียมตัวตอบคำถาม อยากขอความเห็นใจทุกคนด้วย อยากให้เข้าใจความสูญเสียด้วย (ร้องไห้) เราไม่ได้เห็นตอนเขาตกลงไป หลายคนอาจโทษว่าติกดูแลเพื่อนไม่ดี ติกก็โทษตัวเองเหมือนกัน แต่ ณ ตอนนั้นเราก็อยากมีเวลาของตัวเองที่จะชมวิว แค่นั้นเอง ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้นเลย”

กระติก: “ไม่มีการรับงานใดๆ ทั้งสิ้นเป็นการไปลงเรือ แบบเพื่อนชวนเพื่อน ไม่มีประเด็นเงิน ติกก็ไม่เข้าใจมันมาได้ไง ติกแสดงความบริสุทธิ์ใจกับเจ้าหน้าที่ ตร.ไปหมดแล้ว ทุกคนรับทราบหมดแล้วว่าเป็นยังไง แล้วเขารับลูกเราเป็นลูกบุญธรรม ถ้าโมเสียไป พี่ต้องเข้าใจด้วยว่าเงินติกก็หายไปเหมือนกันนะงานติก อะไรติก เขาช่วยเหลือมาโดยตลอด ถ้าเราผลักเขาหรือทะเลาะกัน ติกทุบหม้อข้าวตัวเองนะ งานในวงการทุกคนก็ทราบว่ารายได้ค่อนข้างดี แต่ติกลำบาก คนเราจะหาความลำบากมาให้ตัวเองเหรอ อยากให้คิดตรงนี้นิดนึง”



กระติก: “หนึ่งติกสนิทกับคุณพ่อมากๆ คุณพ่อจากไปแล้ว เราจะหาคนสนิทที่สุดก่อน แม่ประดาน้ำไม่เป็น แม่ไม่มีอุปกรณ์ใดๆ แล้วเราอยู่กันคนละบ้าน บอกตามตรงว่าไม่ได้สนิทกับคุณแม่มาก ไม่ได้โทรบอกแม่ ถ้าแม่เคืองก็เข้าใจคุณแม่ แต่ก็อยากให้คุณแม่เข้าใจติกว่าหัวติกมีแต่คุณพ่อเลย ถ้าพ่ออยู่พ่อช่วยเราได้ พ่อกว้างขวาง เราคิดว่าตอนนั้นแม่หลับ จะตื่นมารับหรือเปล่ายังไม่รู้เลย จากใจไม่ได้คิดจะโทรหาด้วยซ้ำ ไม่มีเลย ไม่มีว่าโทรดีมั้ยมันคือศูนย์”

แซน: “แซนไม่ทราบเลยว่าเขาพบศพตรงไหน เพราะแซนไม่ได้ติดตามโซเชียลเลย แซนแจ้งเจ้าหน้าที่ที่คิดว่าจะช่วยได้ 191 ให้เพื่อนบนบกช่วยแจ้ง มีหลักฐานการโทรออกทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางที่คิดออกในตอนนั้น ก็ยังงงว่าทำไมกู้ภัยไม่มีข้อมูล เขาโทรมาถามข้อมูลถึง 3 รอบ มีหลักฐานด้วยนะคะ กว่าจะมาถึงก็ใช้เวลานานมาก ตอนนั้นเรือก็ไม่ได้ขับเร็ว เรานอนเล่นมือถือ เราโฟกัสกับมือถือ แต่เหมือนโมกำลังลุกแล้วเสียหลักหล่นค่ะ เราก็ตะโกนแล้วกลับเรือมาช่วยกัน เราตะโกนดังๆ ว่าโมตกน้ำ ค่อนข้างกรี๊ดนิดนึง มันนาทีตกใจ”



กระติก: “แซนอยู่ตรงนี้ จ๊อบอยู่ด้านซ้ายของแซน พอได้ยินก็บอกไปทางข้างหน้า เพราะคนขับอยู่ข้างหน้า สิ่งที่เห็นคือปอเทคเลย เราก็ไปที่แซนก่อนว่าเล่นไรกัน เขาก็เล่าให้ฟัง เราก็หาคนก่อนที่จะมานั่งรายละเอียด เราทราบแล้วว่าเขาฉี่ แต่จับขามาบอกตอนหลัง เพราะมันจะเสียเวลาถ้ามัวแต่ถาม ก็รู้แค่ว่าไปนั่งฉี่ เราเห็นว่าความเป็นไปได้มันมี เพราะความอันตรายตรงนั้นมันมี”

กระติก: “ติกไม่รู้ว่าในเรือมีห้องน้ำ ถึงเคลียร์ตัวเองที่ร้านอาหารว่าต้องฉี่ ประเด็นคือเราไปถ่ายรูป ใส่แจ็กเกตไป ถอดเข้าถอดออกเป็นร้อยรอบ เราคิดว่าชูชีพเป็นอุปสรรคกับเรา ไม่รู้โง่หรือเปล่าด้วยซ้ำ มันเป็นอุปสรรค แล้วรูปออกมาไม่ดี ไม่มีใครเตือนใคร เราคาดไม่ถึง มันเป็นเหตุการณ์ที่เราไม่คาดคิดว่าจะเกิดขึ้น ถ้าเรารู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเราก็จะใส่ อีกอย่างเราไม่ได้เล่นบานาน่าโบ๊ต การขับก็ค่อนข้างเซฟ ไม่ได้ขับฉวัดเฉวียนก่อให้เกิดอันตราย”

แซน: “พอตกลงไป เรือก็วิ่งไปข้างหน้า เราพยายามมอง แต่ตอนนั้นฝั่งขวาของแซนมือเขาก็จับเรือ มือถือเท่าที่ทราบน่าจะอยู่ในกระเป๋าของเขา”

ติก: “ลูกติกนอนอยู่บ้านโม ของโมก็ไปเก็บบ้านโม แค่นั้นเอง หลังจากนั้นแม่บ้านเก็บตรงไหน เราก็ไม่รู้แล้ว มันไม่ใช่ของเรา”



ตร.: “โทรศัพท์คุณโม ให้ทางปอท.เก็บรักษา และข้อมูลไม่ไปไหน ทุกอย่างพิสูจน์ได้”

กระติก: “เรื่องโทรศัพท์ โมเขาค่อนข้างหวงตรงนี้ เราไม่ได้สนใจของคนอื่น ของใครของมัน เราเกี่ยวข้องกันเป็นเพื่อน เรื่องส่วนตัวไม่แตะต้องกันเลย เขาไม่รู้ของเรา เราไม่รู้ของเขา ทุกครั้งถ่ายรูปแล้วหน้าจอล็อกก็ยื่นไปให้เขากด เราไม่ได้มานั่งจำอะไรพวกนี้ ไม่ได้สนใจของคนอื่น อยากให้เข้าใจว่ามันไม่มี เชื่อหรือไม่เชื่อก็ให้ทางกฎหมายออกมาชี้แจงเอง ติกไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันไม่ได้จับ ไม่ได้แตะต้อง เราเอาไปคืนก็จบ แล้วของเพื่อนเรา เรารักษาของไว้ให้ แค่นั้นเอง”

แซน: “ตอนโมปัสสาวะ โมจับขาสองข้าง เขาตกไปอีกทางเอื้อมไม่ถึง ไกลพอสมควร เขาตกข้างเรือ ถ้าเรายื่นตัวไปก็อาจหน้าทิ่มไปด้วย เราขึ้นมาทรงตัวยังลำบากเพราะไม่มีที่เกาะ”

กระติก: “ตอนนั้นเราคิดว่าชีวิตคนสำคัญกว่า คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าเขาคือใคร คุณช่วยเขาขึ้นมาก่อนก็ได้(ร้องไห้) แล้วค่อยถามว่าเขาเป็นใคร ติกไม่ทราบหลักหรอกตอนนั้น เรามีเรือที่สามารถออกไปได้เราก็คิดว่าเราควรทำอะไรที่ทำได้ก่อน เราไม่รู้หรอกเขาคือกู้ภัยหรืออะไร แต่เราไม่เห็นเครื่องมือเขา ปอก็บอกว่าเราต้องช่วยโมสิ เพราะเขาไม่มีเครื่องมือมา เรารู้สึกว่าเออใช่ ปอก็ด่ากลับมา แล้วไปช่วยหาโม ตะโกนกันสุดเสียง ช่วงนั้นติกมีขึ้นไปเข้าห้องน้ำ เพราะติกไม่ไหว ติกแยกกับเรือแล้ว”



กระติก: “ติกปวดท้องเข้าห้องน้ำ หลังจากนั้นก็กลับไปที่เรือไม่ได้แล้วเพราะเขาออกไปหาต่อ เป็นติกกับพี่เบิร์ตมาเฝ้าเรา เราโทรหารุ่นพี่เราคนนึง เขาประสานพี่บีม ศรัณยู ให้ออกมาช่วย เขามารับเรา เราก็นัดว่าจะกลับตรงอู่เรือจุดแรกที่เราออก ข้าวของอยู่ตรงนั้นหมด ติกโทรตามเรือเอง เพราะของติกอยู่ตรงนั้น มันต้องรอพักนึงเลย ติกจำไทม์ไลน์ไม่ได้ ว่ากี่โมงถึงได้กระเป๋ากลับมา อยู่ตรงนั้นเกือบตี 4 ได้เราล้าแล้ว และคิดถึงลูก ลูกอยู่บ้าน (ร้องไห้) เรากลับบ้านโม เราไม่ได้คิดเรื่องการให้ปากคำเลย เพราะเราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องไปที่ไหน ใจเราเหมือนเพื่อนกลับบ้าน มันติดเรือใครไป แล้วส่งขึ้นบก ไปตั้งหลักที่บ้านหรือเปล่า เราไม่รู้อะไรเลย ในหัวเราก็มีความหวังไปเรื่อยๆ ...

... ส่วนอีกวันนึง ตั้งใจจะมา พอตั้งใจจะมาประเด็นเยอะไปหมด ประเด็นสังคมอะไรเอย มันเริ่มหนักแล้ว เรารู้สึกว่าต้องปรึกษาใครสักคน เลยทำให้มันช้า เพราะข้างนอกนี่คือหนักมาก ซึ่งติกไม่ได้เข้าไปอ่านอะไรเลย ไม่รู้ว่าต้องออกมา เราค่อนข้างตั้งสติ เพราะเพื่อนบอกว่ากระแสเริ่มมาที่ติก ติกไม่กล้าเข้าไป”

แซน: “เราไม่ทราบว่าเขาจับขาเราตลอดเวลาหรือเปล่า ที่รู้คือเขาจับขาเราไว้ เราก็นอนเล่นมือถือต่อ ไม่ได้สนใจจริงๆ รู้แค่ว่าเขาเดินมานั่งจับๆ เขาก็ทำธุระส่วนตัวเนอะ แซนขอโทษที่ทำให้เหมือนดูประมาทแต่เราไม่ได้คิดถึงตรงนั้นจริงๆ”



ด้าน “พล.ต.ท. จิระพัฒน์ ภูมิจิตร” ผบช.ภ.1 เผยว่าได้สอบปากคำไปแล้ว 8 ปาก บนเรือสปีดโบ๊ต 5 คน เจ้าของอู่เรือ 2 และพยานอีก 1 คน ตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนการสอบสวน เบื้องต้นออกหมายจับ 2 คน คือไฮโซปอ และเบิร์ต คนขับเรือ แจ้ง 3 ข้อหา ต่อมาผู้การภาค 1 เดินทางไปสอบปากคำเพิ่มเติมกับกระติก และแซน รอผลที่ชัดเจนจากการชันสูตรเพื่อประกอบสำนวนในการทำคดี ได้รวบรวมหลักฐานละเอียดแล้ว

“พยานที่เราสอบเป็นพยานบุคคล เราก็ต้องสอบตามที่เขาให้ปากคำ ว่าจะให้ปากคำยังไงก็ได้ ซึ่งในประเด็นที่สื่อมวลชนสงสัย หรือสังคมสงสัย เจ้าหน้าที่ตร. พนักงานสอบสวนก็ไม่ได้ทิ้งประเด็น พยานคนไหนที่ไม่มีน้ำหนัก ก็ประสานกองพิสูจน์หลักฐาน เอาเข้าเครื่องจับเท็จในบางกรณี เจ้าหน้าที่ปอท. เก็บรวบรวมข้อมูลโทรศัพท์แต่ละท่านเป็นหลักฐานในสำนวนแล้ว เพื่อให้ทราบทีละประเด็น ประเด็นที่สงสัยว่ามีการติดต่อ มีค่าจ้างมา เพื่อรับงานเอ็นหรือไม่ ก็ค่อยๆ ดูไปทีละประเด็น

การสงสัยว่าเกิดเหตุการณ์บนเรือ มีอะไร เราก็ทำการสอบสวน สิ่งที่ให้ประโยชน์ได้มากที่สุดคือผลชันสูตรพลิกศพ ตรวจพยานหลักฐานต่างๆ บนเรือที่เกิดเหตุ การสอบสวนก็คืบหน้า พยานหลักฐานถูกรวบรวมไว้ในสำนวนละเอียด ก็ให้ความเชื่อมั่นว่าเราทำอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีการแทรกแซง พยานหลักฐานอะไรเป็นประโยชน์กับสำนวนเก็บหมด

ส่วนตอนนี้มีผู้โดยสารบนเรือ และเกิดเหตุพลัดตกเรือไปเสียชีวิต ใครจะเป็นคนประมาทบ้าง ก็ขออนุญาต เราอยู่ในกระบวนการสอบสวนทั้งหมด ตอนนี้ศาลออกหมายจับ 2 คน เบื้องต้นก็ดำเนินคดี 2 คน

ส่วนหลังจากนั้นส่งไปชันสูตรพลิกศพที่นิติเวชรพ.ตำรวจได้ ตอนนี้พื้นที่กรุงเทพฯ มีรพ.ตร. รามาฯ ศิริราช และธรรมศาสตร์ ที่ส่งไปรพ.ตร. เป็นหน้าที่และมีรายละเอียดที่เราต้องกางให้ทางนิติเวชตรวจสอบหลายเรื่อง ทั้งสาเหตุการตาย บาดแผลที่ปรากฏบนตัวผู้เสียชีวิต ภายใน กระเพาะ ลำไส้ ที่มีสารพิษตกค้างหรือไม่ ต้องตรวจละเอียด ตรงนั้นเลยเป็นหน้าที่สถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ ซึ่งตอนนี้ผลการชันสูตรอย่างเป็นทางการยังไม่ได้ออกมา ก็เร่งอยู่ทุกวัน ต้องใช้เวลา

สองคนที่ถูกออกหมายจับ เราจับกุมตามหมายจับ รวบรวมตามพยานหลักฐาน ต่อไปนี้ก็อยู่ที่พยานหลักฐานที่จะปรากฏ ที่สืบสวน สอบสวนต่อไป ส่วนจะมุ่งไปทางอุบัติเหตุหรือจงใจก็ขอให้อยู่ในการสอบสวน เราทำตรงไปตรงมา จะให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย”